(fic) zelo & jungkook – AV

Title: AV

Pairing: ZeloJungkook (Choi Junhong x Joen Jungkook)

Rate: NC

Author: red.bunny

Note: เรื่องอื่นๆสามารถอ่านได้

 

http://writer.dek-d.com/the-lettuce/story/view.php?id=1044826

 

 

———————————————————–

 

 

 

การลงทุนด้านสิ่งบันเทิงในปัจจุบันที่ถือว่ามีอิทธิพลมากมายในสังคม ถือเป็นการตัดสินใจที่ดี เช่นเดียวกับ บัง ยงกุกผู้กำกับมือทองที่เคยได้รางวัลมาจากทั้งหนังสั้น หนังยาว หนังไตรภาค เอาเป็นว่าเขาเคยจับมาแล้วหลากหลายรางวัล ตัดสินใจสร้างบริษัทโปรดักชั่นเป็นของตัวเอง

 

บริษัทหนังสำหรับผู้ใหญ่

 

เอาน่าอย่าทำมาเป็นไม่รู้จักไม่เคยได้ยินเลย ก็รู้ๆกันอยู่ว่าหนังสำหรับผู้ใหญ่เป็นยังไง

 

ไม่รู้ว่าเพราะอยากจะทำมานานหรือเก็บกดมาจากไหนยงกุกตัดสินใจเปิดบริษัทเกี่ยวกับหนังที่เรียกว่าAV ซึ่งตอนนี้กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง และยังมีช่องทางมากมายให้เดินต่อไปได้ เรียกได้ว่ามีทุกแนวทุกประเภทที่อยากได้ โดยมีข้อบังคับข้อเดียวที่ต้องปฏิบัติเหมือนกันคือ

 

ห้ามให้เห็นหน้านักแสดงเด็กขาด

 

ยงกุกให้สิทธิ์นักแสดงทุกคนได้เติบโตต่อไป ฝีมือบางคนยังสามารถพัฒนาเพื่อไปอยู่ในช่องปกติหรือแนวหน้าได้ เขาไม่อยากให้รู้สึกว่าการทำงานในด้านนี้มันตัดโอกาสของนักแสดงเหล่านั้น เลยมีกฎข้อนี้ออกมารวมทั้งทีมงานทุกคนต้องห้ามปริปากพูดให้นักแสดงเสียหาย หากได้ลองพูดไป ยงกุกเองก็พอมีเส้นสายด้านมืดซะด้วย จัดการได้ไม่ยากนัก

 

นักแสดงที่มีความสามารถเหล่านั้นเลยสามารถเฉิดฉายได้ในทางที่ตัวเองฝันได้สบายๆ

 

 

 

 

ยกเว้นคนหนึ่งที่ไม่ยอมไปไหนซักที

 

ชเว จุนฮง พ่อพระเอกGV อันดับหนึ่งของบริษัทเขา ตามจริงเคยมีคนมาทาบทามให้จุนฮงไปแสดงทั้งละคร หนังต่างๆแต่เจ้าตัวกลับปฏิเสธ นอกจากงานถ่ายแบบแล้วจุนฮงไม่เคยจะรับงานอื่นเลย เขาเองก็ไม่เข้าใจเหตุผลมันนักหรอก เอาเถอะก็ดีแล้ว ยังไงยอดขายของจุนฮงไม่เคยจะตกลงเลย

 

 

“ข่มขื่น??” หลังจากได้อ่านใบรับงานอันใหม่เสร็จ จุนฮงก็หันมามองยงกุกอีกรอบ

 

“ใช่”

 

“ก็เคยทำแล้วนี่”

 

“ก็มีคนบอกว่ามันไม่สมจริง” จุนฮงได้แต่กลอกตาไปมา ให้ตายคนดูนี่มันเรื่องมากเหมือนกันนะ

 

“จะรับมั้ยงานนี้จ่ายไม่อั้น” คิ้วเข้มเลิกมองคนเป็นพี่พร้อมด้วยตำแหน่งประธานเป็นเชิงถาม

 

“เท่าไหร่”

 

“มากกว่าสองปีที่มึงทำมาอีก” พอได้ยินดังนั้นก็ได้แต่ตกใจ นี่มันขนาดนี้เลยหรอเอาเถอะ เขาไม่ใช่ว่าเห็นแก่เงินอะไรขนาดนั้น เผลอๆบริษัทเขาอาจจะได้นักแสดงเพิ่มก็ได้จะว่าหลงตัวเองก็ได้แต่เขาว่าลีลาตัวเองเด็ดพอดู

 

“ตกลง”

 

“ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวกูจัดการเรื่องคนแสดงเอง”

 

“นี่ไม่ใช่ว่าจะไปลักพาตัวมานะ” ได้แต่มองท่านประธานอย่างจับผิด แต่ยากที่คนอายุมากกว่าจะยอมพูดยังไม่พอทำมือไล่เขาออกห้องไปอีก

 

 

 

 

หนาว

 

ง่วงด้วย

 

มืดอีกต่างหาก

 

หลังจากที่ร่ำลาจากเพื่อนที่คณะเสร็จเขาก็เดินกลับบ้านตามปกติ แต่อยู่ๆก็รู้สึกวูบไปทั้งๆที่เขาก็เป็นคนแข็งแรงดี พอตื่นมาก็มีความรู้สึกแบบนี้

 

“เฮ้ย” แถมยังไม่มีเสื้อผ้าติดตัวอีก

 

พรึ่บ

 

ตากลมหรี่ลงทันทีที่ผ้าปิดตาถูกกระชากออกไป แสงแฟลชจากสี่มุมห้องทำให้เขาต้องกระพริบตาถี่ๆหลายรอบกว่าจะปรับสายตาให้ชินได้ มือที่ถูกมัดให้ตรึงกับหัวเตียงพร้อมกับเสื้อผ้าที่หายไป ไหนจะผู้ชายร่างสูงที่คร่อมเขาอยู่นี่อีก

 

วอท

 

“เอาละ” เสียงทุ้มจากคนที่คร่อมเขาอยู่พูดขึ้น ก่อนที่จะก้มลงมากระซิบข้างหูของเขา

 

“มาเริ่มกันเถอะที่รัก”

 

“ที่รักอะไร” ตากลมมองด้วยความสงสัย แต่ดูเหมือนอีกคนจะไม่ฟังเขาเลยปากหยักที่เริ่มเม้มตามซอกคอขาวโดยที่ไม่ฟังคนที่กำลังโวยวายเลยด้วยซ้ำ

 

“เฮ้ยปล่อยสิวะ” เพราะขาที่ยังเป็นอิสระอยู่ตัดสินใจถีบคนตรงหน้าไปเต็มๆ เล่นเอาจุนฮงถอยไปหลายก้าวเหมือนกัน ร่างสูงจิ๊ปากเบาๆก่อนจะเดินเข้ามาอีกครั้ง

 

“นายบังคับให้ฉันทำแบบนี้เองนะ” มือแข็งแรงกระชากข้อเท้านั่นแรงๆให้คนที่ถอยร่นไปอยู่ติดหัวเตียงถลามานอนอยู่บนเตียง แรงบีบที่เพิ่มมาขึ้นจนเขามั่นใจว่าข้อเท้าต้องเป็นรอยแน่ๆ ไหนจะความแสบจากผ้าที่มัดข้อมือเขาไว้อีก ยังไม่ทันที่จะได้ตั้งตัว

 

“เฮ้ย ดะ..” ริมฝีปากบางถูกปิดด้วยริมฝีปากของคนที่คร่อมอยู่ ดูเหมือนว่าจะไม่ยอมให้ลิ้นร้อนเข้าไปทักทายในโพรงปากหวาน มือของร่างสูงจัดการบีบกรามของอีกคนให้บังคับอ้าปาก

 

ลูกอมรสหวานถูกส่งไปในโพรงปากของอีกคน ก่อนจะลิดรอนลมหายใจของอีกคนพร้อมกับความรู้สึกหวิวๆ พอเห็นอีกคนเริ่มดิ้นเลยตัดสินใจละจากริมฝีปากบางที่เริ่มกลายเป็นสีแดงตัดกับผิวของเจ้าตัว

 

หวานชะมัด

 

ก่อนจะยืนมองคนที่ได้อมลูกที่เขาตั้งใจให้ไปแล้ว พลางนั่งดูผลงานของตัวเอง

 

“คุณเป็นใคร”

 

“ชเว จุนฮงครับ” ไหนๆก็ว่างแล้วเลยตัดสินใจแนะนำตัวให้อีกคนได้รู้จักซักหน่อย ไม่ต้องรอนานอีกต่อไป เพราะเมื่ออีกคนจะพูดประโยคต่อไป ดูมันจะพูดออกมาไม่ง่ายเหมือนประโยคแรกซักแล้ว เหงื่อที่เริ่มผุดมาตามขมับ พร้อมกับความร้อนในร่างกายที่เพิ่มสูงขึ้น ขาทั้งสองข้างที่เริ่มเสียดสีกันเพื่อบรรเทาความทรมาน

 

“แกเอาอะไรให้กิน” แม้จะคายออกไปแล้วแต่อาการที่เป็นอยู่ก็ยังไม่หายไป

 

“เอาน่า ไม่ใช่เด็กๆแล้วแค่นี้ไม่รู้หรอครับ”

 

“แก อ่ะ” เพราความรู้สึกเสียวที่อยู่ๆก็เข้ามาโดยไม่ได้ตั้งใจ ไหนจะเผลอไปสบตากับคนที่ยืนกอดอกมองเขาด้วยสายตาที่แทบกินเขาได้ทั้งตัว

 

“อ้อนวอนผมสิ” จุนฮงมองร่างที่บิดไปมาบนเตียง แม้อยากจะกระโจมไปขนาดไหนแต่เพื่อให้ไม่ต้องได้หาคนมาใหม่อีกเขาต้องทำให้ดูก่อน

 

“ที่รักช่วยข่มขื่นผมที ลองพูดสิครับ” ริมฝีปากบางเม้มแน่นราวกับว่าไม่มีทางที่จะพูดคำนั้นออกมาได้ จุนฮงยักไหล่เล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจนั่งลงบนเตียงข้างๆกับคนที่กำลังทรมานอยู่ ส่งนิ้วเรียวของตัวเองไล้ไปตามผิวขาวที่เริ่มขึ้นสีระเรื่อเพราะยาที่เขาเพิ่งให้กิน

 

“อ่ะ ชะ ช่วย ขะข่มขื่น ผะ ผมที ทะ ที่ ระ” ไม่ทันจบประโยคริมฝีปากของคนที่กำลังไล้ตามผิวก็ประกบกับอีกคนทันที ปลายลิ้นที่ตวัดไล้อยู่ในโพรงปากนั้นทำเอาเขาวูบวาบไปทั้งตัว

 

“ให้ผมช่วยนะครับ” เพราะเสียงที่ตั้งใจให้แหบพร่าและยังพูดใกล้ใบหูของอีกคน ใบหน้าที่เริ่มแดงจากฤทธิ์ยาสะบัดหนีจากสัมผัสนั่นทันที

 

 

เขาทำไมต้องมาเจออะไรแบบนี้วะเนี่ย

 

โอกาสแม้แต่จะโวยวายหรือขัดขืนแทบไม่มี เหมือนคนกำลังดื่มเหล้าดีกรีแรงๆไปหลายช็อต มันดูอื้ออึงไปหมด ชัดเจนแต่เหมือนจะบังคับอะไรไม่ได้เลย

 

มือยาวที่กอบกุมแก่นกายของเขาก่อนจะลูบขึ้นลงด้วยความชำนาญ เพราะกับเขาเองที่กระเด้งสะโพกสวนกับจังหวะที่อีกคนให้มา แต่ดูเหมือนว่าจุนฮงจะทำให้ไม่ทันใจเท่าไหร่นัก

 

“ระ เร็วอีก” ดวงหน้าขาวเชิดขึ้นเพราะความเสียวที่เกิดขึ้น จุนฮงระดมจูบพร้อมกับทิ้งร่องรอยตามซอกคอ แผ่นอกของอีกคน มือยังทำหน้าที่ไม่ขึ้นตกบกพร่องจนอีกคนถึงจุดปลดปล่อย

 

“ว้าแย่จังเปื้อนมือเลย” สายตาที่ส่งมาด้วยความเคียดแค้นหาได้ระคายต่อคนพูดไม่ ขายาวจัดการเข้าไปแทรกกลางหว่างขาของอีกคนทันที ยังไม่ทันที่จะได้โวยวายหรือถามไถ่ นิ้วเรียวทั้งสามก็ถูกส่งเข้าไปในช่องทางด้านล่างทันที เลือดที่ไหลออกมาเพราะยังไม่มีการเตรียมการที่ดีเป็นตัวหล่อลื่นให้จุนฮงสำหรับกดนิ้วของตัวเองเข้าไปได้ลึกกว่าเดิม

 

“เอาออกไปนะ ไอ..อ่ะ” จุนฮงกระตุกยิ้มทันที่น้ำเสียงของอีกคนเปลี่ยนก่อนจะตัดสินใจกดย้ำที่จุดนั้นเรียกเสียงครางจากอีกคนมาเป็นที่ยืนยัน

 

ก่อนจะดึงนิ้วออกพร้อมกัน ร่างทั้งร่างกระตุกเบาๆก่อนจะเกร็งอีกรอบเมื่อจุนฮงสอดวัตถุบางอย่างเข้ามาในช่องทางแทน

 

“เอาละ ทำให้ผมบ้างสิ” เป้ากางเกงที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าทำให้เขาเบี่ยงหน้าหนีทันที จุนฮงเห็นแบบนั้นเลยเลื่อนปุ่มให้วัตถุที่อยู่ภายในร่างกายอีกคนทำงาน ก่อนจะเขยิบตัวเองให้ใกล้หน้าอีกฝ่ายมากขึ้น เขาเลยไม่มีทางเลือก ฟันเล็กค่อยๆรูดซิปกางเกงลง ขบขอบบอกเซอร์ให้เลื่อนต่ำลงมาจนแก่นกายของอีกคนเด้งมากระทบกับแก้มของเขา

 

“เลียสิครับ” รีโมทในมือถูกปรับจากเบอร์1กลายเป็นเบอร์2 ได้รับเสียงอื้ออาจากคนที่กำลังปรนเปรอให้เขาเป็นที่หน้าพึงพอใจ  เอวแกร่งเด้งสวนเข้าไปในโพรงปากอีกคนทำให้เขาได้แต่มองค้อนให้ ก่อนจะผละออกจากปากอีกคน จับให้พลิกตัวแล้วถอดเจ้าอุปกรณ์นั่นออก แทนที่ด้วยแก่นกายของเขาจนมิดด้าน

 

ให้ตายแน่นชิบ

 

มันแน่นจนเขาแทบจะปลดปล่อยทันที แต่ก็ต้องขยับแรงๆให้อีกคนสะดุ้งเบาๆโน้มตัวมาระดมจูบลงบนหลังเนียน พลางกระซิบข้างหูของอีกคน

 

“อย่ากลั้นเสียงสิครับผมอยากได้ยิน” ขบติ่งหูเบาๆ ก่อนที่คนใต้ร่างจะเผลอครางเสียงหวานออกมาให้ได้ยิน มือที่ว่างจัดการเลื่อนขึ้นมาแตะที่ยอดอกที่แข็งเป็นไต เค้นจนเขาต้องครางออกมา

 

ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันจบลงเมื่อไหร่เขาจำได้แค่ว่าตัวเองตาลายมากขนาดไหน ไม่แน่ใจว่าร้องขอไปมากเท่าไหร่ความเป็นตัวเองวันนั้นแทบจะหายไปเพราะฤทธิ์ยาที่ได้รับ

 

 

 

 

“จองกุกรอก่อนสิ” พอหลังจากวันนั้นมา เขาจอน จองกุกคนที่โดนหลอกให้ไปถ่ายหนังบ้าๆนั่นก็ต้องมาเจอกับฝันร้ายมันทุกวัน

 

“กลับไปเถอะครับคุณจุนฮง” เขาพยายามแล้วที่จะตีตัวออกห่าง แต่ดูเหมือนอีกคนจะไม่ยอมยังมาหน้ามาเดินข้างเขาหน้าระรื่น

 

จองกุกจะบ้าตาย

 

หนึ่งเดือนผ่านไปแล้ว จองกุกตื่นมาเจอสภาพตัวเองที่ เอิ่มนะ บนรถของใครซักคน ซึ่งคนคนนั้นก็คือจุนฮงไงละ แล้วไงก็ตามเขาทั้งหลังเลิกเรียน วันหยุด พักเที่ยงถ้ามาได้คงมาไปแล้ว

 

“ใจร้ายจังทำไมวันนั้นยังเรียกที่รักอยู่เลย”

 

“นี่คุณ!!” จุนฮงปรี่เข้ามาปิดปาดด้วยความตกใจ ก่อนจะลากจองกุกเข้าร้านอาหารใกล้ๆ

 

“อยากกินอะไรละ”

 

“ไม่หิว” ก่อนจะหันไปมองอย่างอื่นข้างนอกแทน ทั้งที่คิดกับตัวเองว่าเลิกเสร็จจะไปกินสุกี้ยากี้ซักหน่อย แล้วนี่อะไรโดนลากมาร้านสเต็กเนี่ยนะ

 

เอ๊ะ นี่เขาไม่พอใจอะไรกันแน่

 

“เอาสเต็กเนื้อสอง แล้วก็ชีสบอลครับ” เสียงทุ้มสั่งพนักงานเสร็จก็หันมามองหน้าอีกคนที่กำลังสนใจวิวข้างนอกมากว่าเขา

 

อันที่จริงจุนฮงไม่จำเป็นต้องมาตามดูจองกุกแบบนี้ก็ได้ คนในบริษัทเขาจัดการได้อยู่แล้ว แต่บังเอิญว่าเขาถูกใจคนนี้ซะแล้ว ใบหน้าที่เห่อร้อนสายตาเยิ้มที่อ้อนวอนเขา มันน่าจับกินไปอีกนาน

 

ถูกใจจนไม่อยากให้ใคร

 

แม้แต่แผ่นหนังที่อัดเขาก็ขอให้ยงกุกอย่าได้ปล่อยมันออกไป

 

และแปลกที่ยงกุกยอมง่ายๆ

 

หลังจากจัดการอาหารจนเสร็จแน่นอนว่าจุนฮงบังคับอีกคนให้กินโดยการขู่สารพัดนั่นแหละ ก่อนจะพาอีกคนไปส่งที่คอนโด ถามว่าจุนฮงรู้ได้ไง ก็ขู่จองกุกอีกนั่นแหละแม้ยังไม่ได้ไปส่งถึงห้อง แต่แค่นี้ก็ถือว่าดีแล้ว

 

“แล้วพรุ่งนี้จะมารับนะที่รัก” ได้สายตามองค้อนพร้อมกับการปิดประตูที่บอกได้เลยว่าเจ้าตัวอารมณ์เสียขนาดไหน รอซักพักให้ห้องที่เขามั่นใจแน่ๆว่าเป็นของจองกุกเปิดไฟก็ตัดสินใจออกรถไปด้วยความอารมณ์ดี

 

อีกไม่นานหรอก จอน จองกุกต้องเป็นของชเว จุนฮง

 

 

 

 

อีกด้านหนึ่ง

 

จองกุกที่กำลังทอดมองรถยนต์ที่ดูเหมือนช่วงนี้เขาจะได้นั่งมันบ่อยๆพลางยิ้มให้ในใจ เสียงข้อความเข้า ทำให้จองกุกต้องผละตัวเองจากหน้าต่างมามองโปรแกรมแชทในมือแทน

 

‘เป็นไงบ้าง??’

From Bang.YG

 

มือเรียวพิมพ์ตอบกลับทันที ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำด้วยความอารมณ์ดี

 

‘เหยื่อไม่หลุดเบ็ดแน่นอน:p’

 

 

 

 

 

ก่อนหน้านั้น

คงเพราะความเบื่อหรืออะไรซักอย่างทำให้จองกุกตัดสินใจมาหายงกุกผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องที่บริษัท ทั้งที่ปกติจองกุกแทบไม่เคยมา ไม่สิ ไม่เคยมาเลยต่างหาก พอมีโอกาสหลังจากไปเรียนเป็นนักเรียนทุนกลับมาเลยมาเยี่ยมบ้าง

 

ห้องท่านประธานดูจะโล่งเกินไปในความคิดของจองกุก ด้วยความเป็นคนอยู่นิ่งไม่ค่อยจะได้เลยไปหยิบหนังสือแถวนั้นมาดู

 

“พี่”

 

“หืม?” คนที่ก้มหน้าก้มตาทำงานตอบกลับมาทั้งที่ยังไม่มองหน้าด้วยซ้ำ

 

“คนนี้ใครอ่ะ” ยกหนังสือในมือไปให้อีกคนดู พลางชี้ไปที่คนในรูป

 

“จุนฮง เด็กในบริษัท”

 

“อยากได้” ยงกุกละจากกองเอกสารหันมามองอีกคน พลางเลิกคิ้วให้เป็นเชิงถามว่าเอาจริงดิ จองกุกพยักหน้าให้คนเป็นพี่เบาๆ

 

“เคยเห็นจองกุกคนนี้ไม่เอาจริงหรอ”

 

“แล้วแกจะทำไง” จองกุกกระตุกยิ้มเบาๆ อยากได้ของยากสงสัยต้องเล่นละครซักหน่อยแล้วมั้ง

 

“เดี๋ยวจองกุกจัดการเอง พี่ต้องช่วยนะ” ถามว่ายงกุกเคยไม่ตามใจน้องมั้ย ก็ไม่ไง เลยปล่อยให้อีกคนคิดแผนการเอง โดยมีเขาเป็นคนปฏิบัติตามแผนทั้งนั้น

 

ชเว จุนฮงต้องเป็นของจองกุกแน่ๆเขามั่นใจ

 

 

 

END

 

 

 

(fic) dukwang – Some

Title: Some

 

Pairing: DuKwang/DooKwang (DuJun & GiKwang)

 

Rate: PG

 

Author: red.bunny

 

Note: ดูคลิปดูกวังเพลงไม่บอกเธอมาอ่ะ เลยออกมาเป็นแบบนี้ ที่จริงคู่นี้ให้ความรู้สึกพี่ชายตัวโตกับน้องชายตัวเล็กมากนะไม่รู้ดิ / ให้โปรดนึกถึงสถานนะแบบเพลงSome ของจองกิโกกับโซยูนะเจรี๊ยะ

 

 

———————————————————–

 

 

 

 

 

“สวัสดีครับ ผมกีกวังครับผม”

 

เสียงทักทายมาพร้อมกับรอยยิ้มกว้างๆที่ใครมองก็ต้องยิ้มตาม พร้อมจะตกหลุมพรางของคนตรงหน้า รวมทั้งเขาเอง ปฏิเสธไม่ได้ว่าหลังจากนั้นเขาเองก็กลายเป็นโรคจิตไปโดยปริยาย

 

 

 

 

วันนั้นเป็นวันเปิดกิจกรรมชมรมของโรงเรียน แน่นอนว่าเขา ที่เป็นกัปตันชมรมฟุตบอลก็ต้องมานั่งรอน้องๆที่จะมาสมัครในห้องของชมรม

 

“เดี๋ยวพอแนะนำตัวเสร็จพาน้องๆเขาไปเลี้ยง มึงจะไปมั้ย” เพื่อนสนิทคนหนึ่งของเขาพูดเกริ่นๆให้ฟัง แน่นอนว่าไม่ได้ต้องการคำตอบจริงๆหรอก แค่พูดให้ฟังอ่ะนะ

 

“ไม่อ่ะมึงไปเถอะ” ขืนรอบนี้เขาหลวมตัวไปตกลงไปด้วยคงได้เปลี่ยนเป็นกัปตันเลี้ยงต้อนรับแน่ๆ เขารู้ดีจากสายตาของเพื่อนที่มันโหยหิวขนาดไหน

 

ไปเมื่อไหร่ก็เป็นเขาที่ต้องเลี้ยงตลอด เข็ดแล้ว

 

“โหยไรวะๆ เป็นกัปตันมึงต้องไปดิ” กำลังจะเข้ามาเซ้าซี้คนเป็นกัปตัน แต่ประตูห้องชมรมก็ถูกเปิดออกโดยประชาสัมพันธ์ของชมรม พร้อมกับน้องๆหน้าใหม่ทั้งหลาย

 

“พี่ยุน ดูจุน เป็นกัปตันและประธานชมรมนะ” แนะนำตัวสั้นพอให้จำได้ก็พอ เพราะเป็นชมรมที่ต้องให้คนแข่งทีตั้ง12คน ไหนจะปีอื่นอีก คนจัดการเรื่องต่างๆอีกไม่แปลกที่คนจะเยอะ กว่าจะแนะนำตัวเสร็จคงเย็นพอดี

 

 

“เอาละ เดี๋ยวเย็นนี้พวกพี่จะพาไปเลี้ยงเตรียมตัวได้เลย” เสียงเฮจากน้องๆที่แม้ว่าจะยังไม่สนิทกันมากแต่เพราะพี่ๆไม่ได้ทำให้เกร็งเท่าไหร่ เลยถือว่าเข้ากันได้ดีในระดับหนึ่ง

 

“พี่ดูจุนไม่ไปหรอครับ”

 

“มันไม่ปะ../ ไปดิ” พูดเสร็จคว้ากระเป๋านำลิ่วออกไปรอเพื่อนที่ทำหน้างงกับอารมณ์ของอีกคนก่อนจะขอตัวเดินไปหากัปตันก่อน

 

“อะไรวะ ไหนบอกไม่ไปไง” ระหว่างเดินไปที่จอดรถจักรยานก็กอดคอคนที่เพิ่งกลับคำตัวเองไปเมื่อกี้ให้มาคุยกัน

 

“เออน่า ไม่ดีรึไง”

 

 

 

 

ร้านตอกโปกีเจ้าประจำ ที่ถูกจับจองจนเกือบจะเต็มพื้นที่เพราะทั้งรุ่นพี่และสมาชิกใหม่บวกกับร้านเองก็ไม่ได้ใหญ่มากแต่รู้จักกับเจ้าของร้านมานาน อาหารก็จัดว่ารสชาติดีเลยไม่เคยจะเปลี่ยนใจไปไหนเท่าไหร่นัก

 

“แหนะ” สีข้างที่โดนสะกิดโดยไอเพื่อนตัวดี พร้อมกับส่งสายตารู้ทันมาให้ ดูจุนได้แต่เลิกคิ้วให้ด้วยความงง

 

“อะไร”

 

“ก็เห็นๆอยู่” ไม่พูดเปล่ายังบุ้ยปากไปหาคนที่กำลังโดนแย่งไข่ไปจากจาน หลังจากที่เพิ่งสั่งจาจังมยอนมากิน แม้ว่าจะเคืองเพื่อนแต่ก็แค่แปปเดียวเจ้าตัวก็กลับมายิ้มให้เพื่อนเหมือนเดิม

 

“น่ารักอ่ะดิ”

 

“อื้ม” ถ้ามองจากมุมนี่มีเขาเองที่เห็น คนที่โดนจ้องยังคงไม่รู้ตัวไปอีก จะปิดบังเพื่อนยังไงก็ไม่มิดหรอก รู้ๆกันอยู่ว่าพวกเขาไม่เคยมีความลับต่อกัน เลือกที่จะบอกตรงๆดีกว่า

 

“ชอบ??”

 

“อื้ม” นั่งจ้องนานๆก็เพลินจนเขาเกือบลืมทานของตัวเอง แทบโดนเอากรอกปากแล้ว กินเสร็จหันไปมองที่เดิมเกือบสะดุดลมหายใจตัวเองเมื่อเห็นอีกคนกำลังมองเขากลับมาเหมือนกัน เลยกลายเป็นการสบตากันซะแล้ว

 

ก่อนที่คนเป็นน้องจะส่งยิ้มกว้างมาให้  ดูจุนเองที่เป็นคนหลบสายตาไป มองนานๆแล้วไม่ไหวแน่

 

 

“น้องกีกวังอยู่บ้านแถวไหนอ่ะ” พอนานๆไปก็เริ่มมีคนทยอยกลับไปเรื่อยๆเหลือกันไม่กี่คนเลยกลับมากองกันอยู่โต๊ะเดียวมันซะเลย ดูจุนก็ทำท่าจะกลับหลายทีแต่โดนเพื่อนมันรั้งไว้เลยต้องอยู่ต่อ แถมตอนนี้ไอคนตาหวานดันมานั่งหน้าดูจุนอีก

 

“แถวXXXครับ”

 

“เห้ย แถวเดียวกับดูจุนเลยอ่ะสิ เดี๋ยวกลับพร้อมมันเลยดิ ไม่มีใครมารับใช่ปะ” เพื่อนเขาไม่ได้โกหกแต่มันดูเป็นบังเอิญจนเขาเองก็ยังแปลกใจเหมือนกัน

 

“แต่ผมเกรงใจพี่ดูจุน”

 

“ไม่ต้องเกรงใจ กลับด้วยกันนั่นแหละดีไม่เปลืองด้วย”

 

“แต่ว่า…”

 

“ทำไมกลัวฉันหรอ”

 

 

 

จักรยานสีแดงสีสดกำลังแล่นไปตามทางของจักรยานด้วยความเร็วไม่มากนัก เพระคนปั่นยังไม่อยากที่จะรีบไปไหน ฟ้ามืดแล้วแต่อากาศไม่เย็นมากนัก เหมาะกับการปั่นไปเรื่อยๆแบบนี้มาก จะอึดอัดก็ตรงที่คนซ้อนไม่ยอมพูดอะไรซักทีเนี่ยแหละ

 

“ฉันทำให้นายอึดอัดมั้ย” เป็นดูจุนเองที่ทนไม่ได้ หลังจากทำให้อีกคนจนมุมแล้วสามารถพามาส่งที่บ้านได้ คนเป็นน้องก็ดูเงียบๆไป

 

“อ้อ ป่าวครับ”

 

“ฉันไม่น่ากลัวขนาดนั้นหรอก” ไม่รู้ว่าดูจุนพูดด้วยอารมณ์แบบไหน แต่ตอนนี้กลายเป็นกีกวังที่ยิ้มให้กับแผ่นหลังของคนปั่น เหมือนได้คลายกังวลตัวเองออก ก่อนที่เสียงเจื้อยแจ้วจากคนซ้อนจะดังไปตามทาง มีเสียงคนปั่นแทรกมาเป็นระยะ

 

 

 

 

 

“อ้าว กีกวังไปไหนหน่ะ” ตอนนี้ใกล้จะแข่งกีฬาระหว่างโรงเรียนแล้ว ปีกขวาดันหายหัวไปอีก พอถามเพื่อนๆในสนามก็ไม่มีใครรู้เลยต้องเดินออกไปตามเองแบบนี้

 

 

ปึ้ก

 

“โอ๊ยยยยย” เรียกว่าเป็นการปลุกที่มีประสิทธิภาพเสมอ ดูจุนคิดในใจ ก่อนจะมองคนที่กุมหน้าผากตัวเองพร้อมกับมองค้อนให้เขาอีก

 

“ไม่ต้องมามองแบบนี้ นัดซ้อมแล้วมาแอบหลับในห้องสมุดได้ไง” กว่าจะตามหาอีกคนเจอ ดูจุนวิ่งไปหาทั้งในห้องเรียน ห้องชมรม ถ้าไม่ได้เพื่อนของกีกวังเองที่โทรมาบอกเขาว่าไอตัวเล็กอยู่ในห้องสมุดเขาก็คงหาไม่เจอ แถมมาถึงก็เจอในสภาพที่นอนน้ำลายยืด โทรหาเป็นสิบกว่าสายไม่รับ หลับลึกซะจริง

 

“ไม่ได้แอบซักหน่อย เนี่ยมาทำการบ้าน” คนตัวเล็กชูสมุดการบ้านแสดงความบริสุทธ์ทันที พร้อมกับคาดโทษเพื่อนสนิทเขาในใจ มันแอบหนีกลับบ้านตอนไหนทำไมเขาไม่รู้กัน

 

“เดี๋ยวพี่สอน ตอนนี้ไปซ้อมก่อน” จากหน้านิ่วคิ้วขมวดกลายมาเป็นยิ้มกว้างโดยทันที  ก่อนจะรีบเก็บของไม่ให้คนเป็นกัปตันชมรมรอนาน

 

 

เกือบลืมหายใจเมื่อเธอเข้ามา ใกล้ ๆ

แค่เธอยิ้มมา ก็สั่นไปทั้งหัวใจ

อยากจะบอกเธอให้ได้รับรู้ความในใจ

 

“โอย เสร็จแล้วววววว” ตากลมเหลือบไปมองนาฬิกาที่ติดอยู่ตรงผนังห้องนอนของคนอายุมากกว่าบอกเวลาห้าทุ่มกว่าแล้ว จัดการเก็บของลงกระเป๋าแล้วเตรียมตัวลงนอนทันที เมื่อดูจุนยกโต๊ะพับไปเก็บ

 

“พี่ดูจุน” เรียกอีกคนที่กำลังจะขนฟูกมาให้ตัวเองนอนข้างล่าง ส่วนกีกวังก็นอนบนเตียงของดูจุนแทนหันมาทัก ก่อนจะได้เสียงตอบรับจากในลำคอ

 

“นอนข้างบนด้วยกันได้ม่ะ” เตียงก็ออกจากกว้างกีกวังสามคนยังนอนได้สบาย ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทุกครั้งที่เขามานอนบ้านดูจุนทำไมต้องปูฟูกอีก

 

“แล้วกวังไม่อึดอัด??” หัวเล็กส่ายหน้าให้เบาๆ แน่ละ เขานอนนิ่งจะตาย

 

“นอนด้วยกันนี่แหละ รังเกียจน้องหรอห้ะๆ” ดูจุนมองอีกคนที่เดี๋ยวนี้มีต่อล้อต่อเถียงแล้วอดหมั่นไส้ไม่ได้ เขกหัวเล็กนั่นซักที

 

“เออนอนก็นอน” ก่อนที่จะคว้าผ้าเช็ดตัวเขาห้องน้ำแทน หลบรอยยิ้มกว้างของอีกคนที่ส่งมาให้จนตาหยี

 

กว่าจะอาบน้ำเสร็จก็ปาไปเที่ยงคืนพอดี ออกมาเห็นอีกคนนอนขดเป็นกุ้งอยู่กลางเตียงเพราะเจ้าคนตัวเล็กเองนั่นแหละที่ชอบเปิดเครื่องปรับอากาศให้เย็นๆแต่ตัวเองดันเป็นคนขี้หนาวอีก

 

ค่อยๆแทรกตัวเข้าไปในผ้าห่มให้รบกวนคนที่นอนอยู่ให้น้อยที่สุด กว่าจะได้ที่นอนก็เล่นทำเหนื่อยเหมือนกัน คนข้างๆขยับตัวเล็กน้อย ก่อนที่หัวทุยจะตัดสินใจแนบลงตรงแขนของคนที่เพิ่งได้ที่นอน

โอเค วันนี้เขาจะนอนหลับมั้ย

 

 

 

“สรุปเป็นอะไรกัน” ดูจุนได้แต่กลอกตาให้กับคำถามนี้ ทุกวันเขาจะต้องเจอตลอด ไม่ให้เพื่อนอย่างเขาสงสัยได้ไงละหลังจากวันที่ไปเลี้ยงน้องๆวันนั้น ดูจุนกับกีกวังกลับบ้านด้วยกันตลอด แถมยังไปนอนค้างบ้านกันอีก การบ้านก็ช่วยสอน บางทีมีทำข้าวกล่องมาฝากอีก อะไรบอกพี่น้องควรเชื่อมั้ยละ

 

“ก็เหมือนที่เคยบอก”

 

“ทำไมไม่ขอน้องเขาเลยวะ”

 

“กลัวเร็วไปว่ะ”

 

“เร็วอะไรวะ มึงชอบรึไงครึ่งๆกลางๆแบบนี้” โอเค สารภาพว่ามันแทงใจสุด แต่เขาไม่แน่ใจว่ากีกวังคิดตรงกันจริงๆมั้ย ไม่ใช่เพราะเขาใส่ใจน้องมันเลยหวั่นไหวหรอกหรอ

 

“กูมั่นใจในตัวเองแต่กลัวคำตอบวะ”

 

“เอางี้กูมีวิธี”

 

 

 

“พี่ยงกุก” เสียงกีกวังที่เรียกรองกัปตันที่กำลังเก็บบอลใส่ถุงหลังจากที่ซ้อมเสร็จ พรุ่งนี้จะเป็นวันแข่งแล้ว

 

“มีไร”

 

“ช่วงนี้พี่เจอพี่ดูจุนบ้างมั้ยอ่ะ” มันออกจะแปลกซักหน่อย เพราะช่วงนี้กีกวังแทบจะไม่เจอดูจุนเลย ไปหาที่บ้านแม่ของดูจนก็บอกยังไม่กลับ พอมาที่สนามบอลก็ไม่เจอ เป็นกัปตันแท้ๆไม่เห็นจะโผล่มาดูเลย  ส่งข้อความไปก็ตอบทีก็ข้ามวัน จนกีกวังหงุดหงิดไม่ส่งหาแล้ว

 

สามวันแล้วนะ

 

สามวันที่ไม่ได้เจอ  ไม่ได้คุย ไมได้เห็นหน้า

 

เหงาชะมัด

 

“อ้อ มันไปทำธุระหน่ะ”

 

“ธุระไรอ่ะ ทำไมพี่เขาไม่บอกผม” โอย ไอเด็กนี่มันซักไซ้จนยงกุกเริ่มหาข้ออ้างให้เพื่อนรักไม่ได้แล้ว เลยยักไหล่ให้เป็นเชิงว่าไม่รู้ก่อนจะรีบเดินหนีไป

 

โทษนะกีกวัง รอมันอีกแปปละกัน

 

 

 

 

“เอาละ ทำให้เต็มที่นะทุกคนแม้ว่าวันนี้กัปตันมันจะไม่มาแต่ขอให้ทำเต็มที่นะ” เสียงของรองกัปตันที่พูดให้กำลังใจน้องๆเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะให้ทุกคนเข้าไปในสนาม

 

ฟุตบอลสัมพันธ์ระหว่างโรงเรียน ประจำทุกๆปี จะต้องส่งน้องใหม่ของชมรมเข้าแข่งเหมือนเป็นการวอร์มร่างกายไว้ก่อนจะเจอกันในกีฬารวมในตอนสิ้นปี และเพื่อให้พี่ๆในชมรมแต่ละโรงเรียนได้เห็นศักยภาพของรุ่นน้อง

 

จบการแข่งขันไปตามคาดว่าทีมของกีกวังชนะ เนื่องจากทีมเวิร์กที่ค่อนข้างดีบวกกับความคุ้นสนามแล้วเลยได้เปรียบเต็มๆ

 

“4-0 ไม่ธรรมดานะเนี่ย ปะไปหาไรกินกัน” หลังจากเหนื่อยมาก็ต้องหาอะไรมาเลี้ยงซักหน่อย กีกวังขอตัวกลับก่อนเพราะไม่มีอารมณ์จะกินอะไรทั้งนั้น

 

เป็นกัปตันแท้ๆทำไมไม่มาดูทีมแข่งบ้างเนี่ย

 

ติ๊ง

 

เสียงข้อความเข้า จากคนที่ไม่ได้เห็นหน้ามาเกือบจะเป็นอาทิตย์แล้ว ทำให้กีกวังรีบไปตามสถานที่ในข้อความทันที

 

“อ้าวกีกวังลูกไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” กีกวังโค้งให้กับคุณนายยุน ก่อนจะขอตัวขึ้นไปบนห้องที่เขามาบ่อยๆ

 

แกร่ก

 

“พี่!!” ความมืดที่ปกคลุมในห้องจนเหมือนไม่มีใครอยู่ แถมยังเงียบอีกต่างหาก มือจัดการเอื้อมไปเปิดไฟในห้องสว่างทันที

 

ห้องสี่เหลี่ยมที่ทาด้วยสีเทาควันบุหรี่ตามผนังที่มีโปสเตอร์นักฟุตบอลที่เจ้าของห้องชอบแปะไว้เต็มไปหมด ตอนนี้กำลังเต็มไปด้วยลูกโป่งสีใสลอยอยู่เต็มไปหมด ปลายสายของลูกโป่งมีรูปภาพเต็มไว้

 

มันเป็นรูปของกีกวัง

 

ไม่ว่าจะเป็นตอนยิ้ม ตอนหลับ ตอนหน้าบึ้ง ตอนโกรธ ทุกรูปที่เขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโดยถ่ายมาเยอะขนาดนี้ กำลังถูกมองแล้วมองอีก แต่ยังไม่เข้าใจอยู่ดี

 

“อะแฮ่ม” เสียงจากประตูทำให้กีกวังหันควับไปมอง คนที่ไม่ได้เจอหน้ากันมาเกือบอาทิตย์กำลังสะพายกีต้าร์ก่อนจะเริ่มดีด พร้อมกับร้องเพลงไปด้วย

 

Music playing – Should I Hug You Or Not ?

 

“เป็นแฟนกันมั้ย”

 

“….”

 

“กีกวัง??” เริ่มจนจบแล้ว อีกคนก็เอาแต่ก้มหน้าไม่มองหน้า ไม่สบตาเขาอีก หรือว่าโกรธอะไรจนไม่อยากมองหน้าแล้ว เลยต้องรีบวางกีต้าร์แล้วเดินเข้าไปหาอีกคนที่อยู่กลางห้อง จับไหล่อีกคนเบาๆ

 

“กีกวังอา ร้องไห้หรอ” แหม่ ไหล่สั่นขนาดนี้ไม่ร้องไห้ก็หัวเราะแล้วแหละ จะให้หัวเราะเวลานี่ก็ดูแปลกไป

 

หมับ

 

แขนเล็กส่งมารวบเอวคนสูงกว่าโดยไม่ทันตั้งตัวก่อนที่จะร้องโฮกออกมาซะงั้น ดูจุนที่เริ่มจะลนลานว่าอีกคนร้องไห้ทำไม ยังไม่พอต้องกลัวว่าแม่เขาจะได้ยินมั้ย ขืนแม่เขารู้ว่าเขาทำกีกวังร้องไห้ได้ตายแน่

 

“นึกว่าพี่จะเป็นไรไปแล้วอ่ะ” เสียงอู้อี้ที่ตอบกลับมา ทำเอาดุจุนลูบหัวอีกคนปลอบกันนานกว่าจะหยุดร้อง ก่อนจะดันอีกคนออกเล็กน้อย เพื่อจะได้มองหน้าได้

 

“ไม่ร้องแล้วดิ” ตาคมจ้องเข้าไปในตากลมที่ฉ่ำไปด้วยน้ำตา

 

“เออ ไม่ร้องแล้ว”

 

“งั้นตอบมา”

 

“ตอบอะไร” หน้าแดงหูแดงขนาดนี้แน่ใจว่าไม่รู้คำถาม

 

“เป็นแฟนกันมั้ย”

 

“ถามดีๆก็เป็นแล้วเนี่ย”

 

End

 

 

แถม

 

“สรุปคือที่หายไปนี่ไปช่วยครูจัดงานกับไปฝึกเล่นกีต้าร์” พอเซอร์ไพร์เสร็จก็มานอนเล่นบนเตียงมองลูกโป่งที่ลอยไปมา

 

“ใช่”

 

“ทำไมไม่บอกก่อนอ่ะ”

 

“ไม่งั้นจะเซอร์ไพร์หรอ” อดหมั่นไส้คนอายุมากกว่าไม่ได้ เลยแอบหยิกสีข้างอีกคนเบาๆ ให้ตายเถอะ คนรอมันใจหายใจคว่ำ เลยได้แต่บอกว่าไม่เอาแล้วนะเซอร์ไพร์แบบนี้

 

“แต่พี่ไปดูกวังแข่งนะ”

 

“เฮ้ยจริงดิ นั่งไหนอ่ะ”

 

“ไม่บอก”

 

“เออ”

 

 

 

(fic) junkwang – Tonight is our ‘History’

Title: Tonight is our ‘History’

Pairing: JunKwang (Junhyung x GiKwang)

Rate: NC

Author: red.bunny
Note: มันเป็นความคิดที่ว่า เอ๊ะ ทำไมกีกวังถึงแต่งเพลงนี้นะ ตอนนั้นกำลังคิดอะไรอยู่ แล้วก็กลายเป็นฟิคเรื่องนี้ ฉากเรทดูงงๆเพราะง่วงมาก55555

—————————————————————

 

 

 

คนเราจะเริ่มจากการแต่งเพลงมันมาจากตรงไหนกันนะ

 

เพราะอารมณ์ที่ว่าอยากจะมีเพลงเป็นของตัวเองบ้าง แต่ครั้นจะทำเองก็ลำบากอยู่เลยขอคนใกล้ตัวมาช่วยซักหน่อย แต่มันก็ยังยากไปอยู่ดีสำหรับคนไม่เคยจับงานนี้

 

“ลองเอาประสบการณ์มาเขียนสิ” ถึงจะบอกแบบนี้ก็เถอะ

 

แต่หัวจุนฮยองกับหัวกีกวังมันเหมือนกันตรงไหนละ

 

เพราะวันนี้อีกคนมีอารมณ์จะแต่งเพลงขึ้นมาเลยมีที่ห้องอัด ไหนๆอยู่คอนโดคนเดียวมันก็เหงาเลยขอมาด้วยซะเลย อุตส่าห์ขอติดสอยห้อยตามอีกคนมานั่งในห้องอัดเพลงเผื่อว่าจะมีอะไรออกมาบ้าง จนแล้วจนรอดก็ยังคิดไม่ออกซักกะตัว

 

จุนฮยองทำยังไงกันนะ

 

“นี่ๆ” นั่งมองอีกคนเขียนยิกๆแล้วอดหมั่นไส้ไม่ได้ ในขณะที่สมุดของเขาว่างโล่งขนาดนี้ เลยขัดสมาธิอีกคนโดยการจิ้มที่แก้มที่เริ่มบวมขึ้นมาอีกแล้ว

 

“อะไร อย่าเพิ่งกวนสิ” มือข้างที่ไม่ได้เขียนคว้าหมับที่ข้อมือเล็กให้เลิกจิ้ม แต่สายตายังไม่ละจากเจ้าสมุดนั่น คนข้างๆได้แต่เบ้ปากให้

 

ค้างท่านี่อยู่นานกว่าที่จุนฮยองจะหันมาสนใจ พอหันมามองก็ดันเจอสายตาง่วงๆที่ส่งมาให้ซะแล้ว

 

จะไหวหรอเนี่ยไหนบอกจะแต่งเพลง ยังไม่มาซักท่อน

 

“นอนมั้ย” เจ้าตัวส่ายหัวรั้นมาให้ ทนไม่ได้ความน่ารักมันทำพิษขนาดนี้ คว้าหมับเข้าที่เอวก่อนจะดึงมากอดแรงๆซักที คนในอ้อมแขนก็แค่ส่งเสียงประท้วงนิดๆก่อนจะนิ่งๆไป หัวทุยเริ่มซบกับอกของจุนฮยอง

 

“ดื้อหรอเดี๋ยวนี้”

 

“ป่าววว” เสียงอ้อมแอ้มที่ตอบก่อนมา ทำเอาจุนฮยองทนไม่ได้ กดจมูกลงแก้มนิ่มนั่นอีกแรงๆ

 

ทำไมน่ารักงี้วะ ตอบสิลี กีกวัง

 

เป็นคำถามที่เขาเองก็หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ซักที ว่าทำไมถึงรักถึงหลงคนตัวเล็กขนาดนี้

 

รอยยิ้มงั้นหรอ ก็อาจจะใช่

 

ความซื่อๆของอีกคนงั้นหรอ อาจจะมีส่วน

 

หรือว่า ความยั่วที่ตัวเองไม่รู้ตัว

 

พอคิดได้แบบนี้จมูกที่เคยคลอเคลียอยู่ที่แก้มก็เริ่มไล้ลงมาตามซอกคอ กดจูบแรงๆเพื่อให้ซอกคอขาวนั่นเป็นรอยสวยๆ เสียงครางในลำคอพร้อมกับแรงดันเบาๆทำให้เขาต้องหยุดมามองหน้าอีกคน

 

“ไม่เอาเดี๋ยวมีคนมาเห็น” เห็นอะไรละ แถวนี้มีแค่พวกเขาสองคน ไม่มีคนอื่นแน่นอนจุนฮยองมั่นใจ ไม่ตอบแต่จูงข้อมืออีกคนมาที่เครื่องควบคุมเสียง ดึงให้อีกคนมานั่งตักเบาๆ

 

“นี่มีทำนองเพลงให้ฟังแต่ยังไม่ได้เนื้อเลย” นิ้วก็กดเข้าไปที่ปุ่มเริ่มเพลง

 

เสียงเปียโนที่เริ่มบรรเลงพร้อมด้วยเสียงเบสและจังหวะที่สวยงาม น่าเสียดายที่ยังไม่มีคำร้องมาจับจองไว้เป็นเจ้าของ คนบนตักเริ่มเอนมาซบกับอกก่อนจะหลับตาพริ้มฟังทำนองที่เขาทำมันขึ้นมา หัวเล็กๆเริ่มโยกไปตามจังหวะของเพลง

 

ส่วนมือของอีกคนก็เริ่มเลื้อยเข้าไปในเสื้อฮู้ดสีเข้มของอีกคน ลูบไล้ไปตามแผ่นอกและหน้าท้องได้รูปของอีกคน ก่อนจะไปหยุดที่จุดบนอกสองจุด จัดการสะกิดเบาๆเรียกเสียงครางได้จากอีกคนที่เริ่มจะเคลิ้มตาม มืออีกข้างเชยคางของอีกคนให้มาประกบริมฝีปาก

 

ทำนองที่วนไปมาเหมือนไม่มีวันจบหมดเหมือนจูบของจุนฮยองที่ทำให้กีกวังหลงใหลได้ไม่มีวันจบ ลิ้นเรียวไล้ไปตามฟันซี่เล็กของอีกคน พร้อมกับลิ้นเล็กที่ดูจะตอบสนองอีกคนเป็นอย่างดี มือเล็กผละไหล่อีกคนบ่งบอกว่าใกล้จะหมดลมหายใจ ริมฝีปากบางเปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นซอกคอขาวอีกครั้ง

 

“ฮ้า ดะ เดี๋ยวก่อน” มือบางจับมือของอีกคนที่กำลังจะเข้าไปข้างในกางเกงวอร์ม ดันเก้าอี้ออกเล็กน้อย ก่อนจะคุกเข่าลงตรงหว่างขา สองมือปลดกางเกงยีนส์ของคนที่นั่งอยู่ช้าๆ ลิ้นเล็กๆค่อยละเลียดไปตามเนื้อผ้าบางของชั้นใน

 

“จะทรมานฉันรึไง” ตากลมเยิ้มถูกส่งมาให้เหมือนกำลังยั่วเขาอยู่ ให้ตายเขาต้องทนรึไง

 

ลิ้นเล็กยังคงละเลงอยู่กับแก่นกายของอีกคนหลังจากแกล้งจนพอใจ จากตรงปลายลงจนถึงตรงโคนครั้งแล้วครั้งเล่าก่อนจะค่อยๆเพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆ แต่สายตาของคนตัวเล็กก็ยังไม่ละจากอีกคนที่มองมา

 

“อ้ะ” จู่ๆก็โดนกระชากให้ลุกขึ้นพร้อมกับมือหนาที่ดันกางเกงของเขาออกด้วยความรวดเร็ว

 

“ทำให้หน่อยสิ” น้ำเสียงที่พูดเหมือนแกมบังคับให้อีกคนทำ คนตัวเล็กค่อยๆเดินเข้ามาขึ้นบนตักช้าๆ เอาแก่นกายที่ตั้งชันของอีกคนถูไถกับร่องบั้นท้ายของตัวเองช้าๆ

 

“ถอดเสื้อออกสิ” กีกวังส่ายหัวให้เบาๆกับคำสั่งนี้ แน่นอนไม่ใช่เรื่องที่จุนฮยองจะต้องมานอยด์ เสื้อฮู้ดสีเข้มถูกเลิกขึ้นจนเหมือนเกือบจะถอดแล้ว ริมฝีปากทีว่างอยู่เข้ามาจังจองเม็ดสีบนหน้าอกทันที เล่นเอาคนที่กำลังตั้งใจกับข้างล่างต้องชะงัก

 

“ทำต่อสิ”

 

แก่นกายของอีกคนกำลังจ่อที่ช่องปากที่สีสด  แขนทั้งสองคล้องเข้ากับหัวของอีกคนที่กำลังเล่นอยู่กับหน้าอกของตัวเอง ค่อยๆหย่อนบั้นท้ายลง โดยมีมือหนาที่จับสะโพกไว้มั่น ป้องกันอีกคนตก ช่องทางของกีกวังกำลังตอดรัดของเขาจนเกือบจะเสร็จทั้งๆที่ไม่ได้ขยับด้วยซ้ำ แต่เสียงหายใจที่สะดุดบอกได้ว่าอีกคนยังจุกอยู่จุนฮยองเลยไม่อยากจะเสี่ยงขยับ

 

ลิ้นเรียวส่งเข้าไปในริมฝีปากอิ่มอีกครั้ง มือข้างหนึ่งละจากสะโพกมารูดแก่นกายของอีกคนเร็วๆก่อนจะขยับตัวเบาๆ จนเจอจุดที่อีกคนสะดุ้งเฮือกแล้วค่อยๆถอนริมฝีปาก แล้วมือบีบสะโพกเบาๆบอกให้อีกคนเริ่มขยับ

 

“อ่ะ อะ จะ จุนฮยอง” เสียงข้างๆหูของจุนฮยองที่บอกว่าอีกคนใกล้จะถึงแล้ว มือหนากดสะโพกมนให้แก่นกายของเขาเข้าไปให้ลึกที่สุด ก่อนที่อีกคนจะกระตุกเกร็ง แล้วขยับสะโพกถอดแก่ยกายจนเกือบจะหมดแล้วกดย้ำอีกที

 

“เลอะหมดเลยเนี่ย” พอถอดแก่นกายเสร็จ จุนฮยองก็บ่นพลางใช้สายตามองไปที่หน้าท้องของตัวเอง กีกวังตีเบาอีกคนเบาๆก่อนจะขอตัวไปเข้าห้องน้ำที่เขาสร้างไว้เผื่อว่าต้องค้างคืนที่นี่

 

“กีกวังๆ” จุนฮยองเขย่าตัวเองคนที่นอนฟุบกับโต๊ะเบาๆ หลังจากเสร็จกิจกรรมยามว่างไปแล้ว พอกีกวังอาบน้ำเสร็จก็เห็นมาขีดๆเขียนๆอะไรในสมุดซักพักก็หลับไปทั้งอย่างนั้น พอเขาปลุกอีกคนเจ้าตัวก็บอกขอเขียนต่ออีกหน่อยก็เลยตามใจ จุนฮยองเองเลยแยกไปทำเพลงให้เสร็จ

 

ตีห้าสี่สิบแล้ว

 

เรียกเท่าไหร่ไม่ตื่นซักทีเลยจัดการเก็บของทั้งของเขากับอีกคนเข้ากระเป๋า ก่อนจะช้อนตัวอีกคนเบาๆไม่ให้ตื่น กีกวังขยับท่าทางเล็กน้อยให้นอนได้สบาย ก่อนที่จะเดินออกไปที่คอนโดน

 

แปดโมงสิบห้านาที

 

คิม แทจูเดินเข้ามาในห้องอัด หลังจากที่ได้รับข้อความจากอีกคนว่าอีกสิบนาทีจะมาถึง เลยขอจิบกาแฟเบาๆก่อนแล้วกันพอหลังจากนั่งลงที่โซฟา สายตาก็ไปสะดุดเข้ากับสมุดโน้ตเล่มหนึ่ง ที่เขียนตัวหนังสืออะไรไว้ซักอย่าง  ไวเท่าความคิดจัดการคว้ามาอ่านอย่างรวดเร็ว

 

Tonight is our history

 

ให้คืนนี้เป็นเรื่องราวของเรา

 

조금씩 다가갈게 So baby take it slow

 

ค่อยๆเขยิบเข้ามาหาผม ช้าๆนะที่รัก

 

살짝 조명을 낮추고 볼륨을 높이고

 

ทั้งแสงและเสียงรอบกายเราค่อยๆแผ่วลงไป

 

우리 둘만의 Secret time baby just relax your mind

 

เก็บเวลานี้ไว้เป็นความลับของเราที่รัก แค่คุณผ่อนคลาย

 

History 난 준비가 됐어 So give your love to me

 

ผมพร้อมแล้วสำหรับเรื่องของเรา มอบความรักของคุณให้ผมนะ

 

이젠 내게 네 몸을 맡기고 향기를 나누고

 

ตอนนี้ ปลดปล่อยร่างกายของคุณ สัมผัสของคุณกับผม

 

날 설레게 하는 너의 숨소리

 

เสียงลมหายใจของคุณมันทำให้ผมแทบคลั่ง

 

“ทำไรหน่ะ” จุนฮยองที่เพิ่งเข้ามาเห็นเพื่อนกำลังจดๆจ้องๆอะไรตั้งแต่เขาเข้ามาแล้ว ยังไม่ได้ยินเขาอีก

 

“แกแต่งหรอ” แทจูโชว์สิ่งที่อยู่ในมือให้อีกคน จุนฮยองรับมือมาก่อนจะอ่านตัวอักษรที่อยู่ข้างใน รอยยิ้มเริ่มปรากฏเบาๆตรงมุมปาก ก่อนจะเก็บสมุดเข้าใส่กระเป๋า

 

“ป่าวไม่ใช่ฉัน”

 

“อ้าวแล้วของใครวะ”

 

“กีกวัง”

 

“กีกวัง??” เพิ่มความงงให้มากกว่าเดิม ก็พอได้ยินว่าคนตัวเล็กอยากจะแต่งเพลงเหมือนแฟนตัวเองบ้าง แต่ก็นะ เนื้อเพลงแบบนั้นจะใช่กีกวังจริงหรอ มันดูไม่ค่อยใช่นะ

 

“เออ แล้วก็เมโลดี้ที่ทำไว้ขอละกัน” ก่อนจะหันไปทำงานที่ค้างๆไว้เมื่อเช้า สงสัยวันนี้ต้องกลับไปเช้าๆซะแล้ว พลันในหัวก็คิดได้แต่ท่อนที่คนเขียนกำลังหลับปุ๋ยอยู่ที่บ้านเป็นคนเขียน

 

Tonight is our history

 

ให้คืนนี้เป็นเรื่องราวของเรา

 

END