(FIC) DUKWANG – Anatomy

Title: Anatomy

Pairing: DuKwang (Dujun & Gikwang)

Rate: PG-13

Author: red.bunny

NOTE: สอบอนาโตมีมันเครียดนะคะคุณ 5555555555555555555555555555555555

 


 

 

frontal

 

sphenoid

 

nasal

 

zygomatic

 

ตาสีน้ำตาลเข้มจ้องมองใบหน้าของอีกคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเขาด้วยความตั้งใจ จนเรียกว่าเขม็งเลยอ่ะเอาจริง ไม่รู้จะจ้องอะไรหนักหนาจนสุดท้ายคนที่โดนจ้องก็เงยหน้ามามองด้วยความทนไม่ได้

 

“กีกวังมองอะไร” เสียงปนไปด้วยความขุ่นเพราะเขาค่อนข้างไม่ค่อยชอบให้ใครจ้องเท่าไหร่ แบบฝึกที่ขนมาทำที่หอของอีกคนยังไม่ไปถึงไหนเพราะเจ้าของห้องมัวแต่จ้องเขานี่แหละ

 

“ป่าวนี่” เจ้าตัวทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้มาให้เขาก่อนจะเท้าคางยิ้มหวานให้เขาอีกรอบ

 

“บอกมา” พอโดนเสียงเข้มขู่กีกวังก็แอบเบะปากน้อยๆ ก็ไม่ได้ตั้งใจจะปิดแต่พรุ่งนี้เขามีสอบอนาโตมีก็มีแต่ท่องจำ จะท่องกับหน้ากระดาษก็น่าเบื่อเกินไปเลยหันไปท่องกับใบหน้าคมของคนเป็นแฟนแทนมันผิดตรงไหน

 

“นี่ไง” เจ้าตัวยื่นชีทที่กำลังท่องให้อีกคนดู แน่นอนว่าสายคำนวณอย่างเขาไม่มีทางจะอ่านมันออกได้ง่ายๆ มีแต่คำยาวเป็นสามสี่พยางค์เจ้าตัวเล็กมันท่องได้ยังไงกัน

 

“พี่ดูจุนอ่านไม่ออกหรอก”

 

“ดูถูกว่ะ”

 

“ก็เรื่องจริงอ่ะ” คนพูดก็ขยับตัวเองมาใกล้ๆกับคนอายุมากกว่าก่อนจะเปิดไปที่หมวดกล้ามเนื้อแล้วชี้ไปที่รอบดวงตา

 

“นี่อ่านว่า orbicularis oculi คือตรงนี้ไง” นิ้วเล็กเปลี่ยนจากหน้ากระดาษมาเป็นใบหน้าของอีกคน มือเจ้าตัวค่อยๆเลื่อนจากหางตาของเขารอบเป็นวงกลมก่อนจะใช้มือทั้งสองข้างจับหน้าเขาเอาไว้

 

“พี่ดูจุน”

 

“ครับ”

 

“หล่อจัง”

 

“มาไม้ไหนละ” เจ้าตัวหัวเราะเสียงใสก่อนจะผละมือออกแล้วหันกลับไปท่องเหมือนเดิม

 

อีกีกวังนักศึกษาแพทย์ปีที่หนึ่งที่ยุนดูจุนนักศึกษาปีสามวิศวะไม่มีทางที่จะไปรู้จักกันได้ ถ้าไม่ใช่เพราะเพื่อนของเขาบังเอิญไปเป็นสายรหัสกับกีกวัง แล้วมาเลี้ยงสายด้วยกันแล้วบังเอิญอีกตรงที่พวกเขาอยู่หอใกล้ๆกันดูจุนเลยอาสาไปส่งให้ หลังจากนั้นก็มีถามไถ่ว่าให้ไปส่งบ้างมั้ย จนรู้ตัวอีกทีก็จีบน้องมันไปแล้ว

 

ยังดีที่น้องมันก็รู้สึกเหมือนกันเลยตกลงเป็นแฟนกันได้ง่ายเพราะสไตล์ที่ชอบอะไรง่ายๆสบายๆเหมือนกันบ้าบอลเหมือนกันทำให้พวกเขาไปกันได้ค่อนข้างดี

 

และตอนนี้พวกเขากำลังจะสอบไฟนอลกันแล้ว

 

วันนี้เพื่อนกีกวังไม่ว่างมาติวด้วยกันเลย ดูจุนเองก็กลัวแฟนตัวเองจะเหงาเลยขนหนังสือมาอ่านด้วยที่ห้องกีกวังเอง

 

ดูจุนละจากแบบฝีกหัดของตัวเองแล้วหันมาจ้องคนตัวเล็กบ้าง ดูเหมือนจะเข้าสู่ภวังค์ของตัวเองเป็นที่เรียบร้อย

 

“ไหนขอดูหน่อย” ดูจุนหยิบชีทขึ้นมามั่วๆ ก่อนจะพบว่ามันเป็นหมวดเส้นเลือดที่มีมากมายจนเขาต้องปวดหัวกว่าการแก้โจทย์แคลเป็นไหนๆ

 

“มานั่งนี่ดิ เดี๋ยวช่วย” กีกวังเลิกคิ้วให้กับประโยคที่ดูงงๆของดูจุน มือของเจ้าตัวตบปุๆที่ตักตัวเองราวกับบอกให้เขาไปนั่งตัก แล้วมันเกี่ยวอะไรกับที่จะช่วยเขารึไงเนี่ย

 

“รู้มั้ยวิธีที่ช่วยให้จำมันมีหลายแบบ” หัวเล็กพยักหน้าให้ด้วยสีหน้างงงวย ก่อนที่มือของดูจุนจะเริ่มล้วงเข้าไปด้านในเสื้อยืดของเขา

 

“พี่ดูจุน”

 

“ครับ”

 

“ทำอะไร”

 

“ช่วยจำไง” มือร้อนค่อยๆลากผ่านหน้าท้องของเจ้าตัวขึ้นบนเนินอกก่อนจะตัดสินใจถอดเสื้ออีกคนทิ้ง แต่มือเล็กของอีกคนจับไว้ซะก่อน

 

“พรุ่งนี้พี่มีสอบแลปนี่”

 

“พี่ทำได้ ละอยากช่วยกีกวังมากกว่า” อาศัยจังหวะเผลอถอดเสื้ออีกคนโดยที่กีกวังไม่ได้ท้วงด้วยซ้ำเมื่อปากบางอีกคนประกบกับปากอิ่มของคนบนตักไว้พอดี มือหนายังคงเลื่อนวนไปมาตามแผ่นอกขาว

 

“ฮื่ม พะ พี่ดูจุน” นิ้วลากตั้งแต่ตำแหน่งหัวใจขึ้นไปผ่านไหปลาร้าและลำคอขาว ก่อนปากบางจะกระซิบข้างหูอีกคน

 

“เส้นเลือดแดงอะไรครับตอบพี่สิ” ขอบคุณที่คนบนตักใส่กางเกงบอลมืออีกข้างเลยไม่ว่างป่าว ล้วงเข้าไปบีบนวดเบาๆที่ต้นขา

 

“อืมม” เสียงครางในลำคอที่ดูจุนชอบหนักชอบหนากำลังจะทำให้เขาทนไม่ไหวแต่เพราะความอยากแกล้งมันมีมากกว่า

 

“ตอบพี่สิครับ”

 

“common carotidครับ ฮื้ม” ปากของดูจุนที่คลอเคลียอยู่ที่หูเปลี่ยนมาเป็นปากอิ่มทันทีที่อีกคนตอบเสร็จ

 

“ตอบถูกพี่ให้รางวัล แล้วนี่ละ” เสียงครางฮื่อลำคอมากกว่าเดิมเมื่อเขาลากตั้งแต่โคนขาด้านในลงไปตามต้นขาจนขาเล็กค่อยๆหนีบเข้าหากัน

 

“อะ เดี๋ยว” อยู่ๆก็เกิดเปลี่ยนโพสิชั่นแบบไม่ทันตั้งตัวเมื่อตอนนี้เป็นกีกวังที่กำลังนอนราบไปกับพื้นโดยที่มีดูจุนคร่อมอยู่

 

“แบบนี้ถนัดกว่า”

 

“ถนัดอะไรละ อื้ม” ไม่ทันจบประโยคดีริมฝีปากบางค่อยๆลากผ่านหน้าท้องเขาอีกครั้ง และดูเหมือนบทเรียนครั้งนี้จะใช้เวลาพอสมควรเลย

 

 

“ตื่นแล้วหรอ” คนที่นอนขดอยู่บนเตียงถัดจากเขาเริ่มขยับตัว ดูจุนถึงเปลี่ยนจากชีทเรียนมาเป็นคนบนเตียงแทน หัวกลมพยักหงักหงึกก่อนจะทำจมูกย่น

 

“เป็นอะไรแอร์เย็นหรอ” พยักหน้าให้สองสามทีดูจุนเลยตัดสินใจไปปรับอุณหภูมิให้ แล้วล้มตัวนอนกอดเจ้าก้อนผ้าห่ม

 

“ออกไปเลยอึดอัด” เสียงแหบพร่าเพราะเพิ่งตื่นทำให้ดูจุนอดไม่ได้ที่จะเอาจมูกตัวเองฝังไว้ที่แก้มอีกคน พอจะทำอีกข้างเจ้าคนโดนกอดก็ส่ายหน้าไปมา

 

“ไม่เอาแล้วจะไปอาบน้ำ”

 

“อ่ะ ไปครับเดี๋ยวไปกินข้าวกัน” ดูจุนได้แต่ยิ้มให้อีกคนที่ลากทั้งผ้าห่มไปจนอดแซวไม่ได้ว่ายังไงเขาก็เห็นมาหมดแล้ว ผ้าห่มที่ห่มเจ้าตัวอยู่ปลิวมาโดนหน้าเขาเต็มๆแต่คนโยนวิ่งเข้าห้องน้ำไปเรียบร้อย

 

 

“ไงทำได้ปะ” ข้อสอบกายวิภาคง่ายกว่าที่เขาคิดแต่ก็มีบ้างข้อที่เขาอดที่จะหน้าแดงไม่ได้เมื่อนึกถึงเมื่อสองวันก่อน

 

“อื้ม ก็ทำได้อ่ะ”

 

“โหย นี้ไม่ได้เลยครับ” หางตาเผลอไปเห็นกับรถที่คุ้นตาเลยล่ำลาจากเพื่อนมาหาคนที่นั่งรออยู่ในรถ

 

“ไงทำได้มั้ย” กีกวังพยักหน้าให้ มือของคนขับวางลงบนผมสีน้ำตาลก่อนจะยีเบาๆด้วยความหมั่นไส้

 

“ผมเสียทรงแล้ว”

 

“ต้องขอบคุณพี่มั้ยละ”

 

“ทำไมละ”

 

“พี่ช่วยให้กีกวังจำได้ไง” ดวงหน้าเล็กเผลอเห่อร้อนขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะต่อยไปที่ต้นแขนของอีกคนแน่นอนว่าดูจุนตอบโต้ไม่ได้เพราะต้องขับรถ เลยโดนอีกคนประทุษร้ายเต็มๆ

 

“คราวหน้ามีสอบหัวข้อไหนอีก พี่ช่วยติว”

 

“ไม่ต้องเลย!”

 

(fic) dukwang – my ex

Title: my ex

Pairing: DuKwang (Dujun & Gikwang)

Rate: PG

Author: red.bunny

NOTE: เราเป็นคนไม่มีสกิลในการแต่งชื่อเรื่องเลยค่ะ แต่งเนื้อหาได้ตกม้าตายเพราะชื่อเรื่องนี้แหละ55555

 


 

 

คนตัวเล็กกำลังยืนชั่งใจอยู่หน้าร้านเนื้อย่างที่ครั้งหนึ่งสมัยมัธยมเขาจำได้ว่ามันเป็นที่ที่เขาต้องมาทุกครั้งที่แข่งหรือซ้อมเสร็จ แต่วันนี้มันต่างกันออกไป

 

วันรวมรุ่นของทีมฟุตบอลโรงเรียน

 

เขาเริ่มคิดว่าจริงๆเขาไม่ควรจะอยู่ตรงนี้แล้วเดินเข้าไปด้านในเท่าไหร่นัก แต่ไม่ทันได้หันหลังกลับเพื่อที่จะได้ไม่ต้องไปพบเจอพวกเพื่อนๆพี่ๆ แขนยาวพาดลงไหล่เขาพร้อมกับเทน้ำหนักแทบทั้งตัวมาให้

 

“อ้าวไงมาด้วยหราาา”  น้ำเสียงที่กวนประสาททำเอาเขาอยากจะเตะรุ่นพี่ซักทีแต่ก็นะตอนนี้เขาทำได้แค่ปล่อยเลยตามเลยให้รุ่นพี่คนนี้ลากเขาเข้าไปในร้าน

 

“กว่าจะมานะมึง อ้าวกีกวัง” คนด้านในดูจะฮือฮาไม่น้อยที่เขามา อีกีกวังนายแบบเสื้อผ้าในเว็บไซต์ที่กำลังเป็นที่พูดถึงกำลังมางานเลี้ยงรุ่นทีมฟุตบอลโรงเรียน เขาโค้งสวัสดีพี่ๆก่อนจะหาที่นั่งให้กับตัวเอง

 

สายตาคมที่กำลังจ้องเขาอยู่ทำเอาเผลอชะงักตัวเองไปชั่วครู่

 

ใช่สิเขาลืมไป

 

ว่าอดีตกัปตันทีมจะไม่มาได้ยังไง

 

“นั่นไงที่ว่างข้างดูจุนอ่ะไปนั่งดิกีกวัง” รุ่นพี่ที่พาเขามาพูดจบประโยคเสร็จก็โดนฝ่ามือของรุ่นพี่อีกคนฟาดเข้ากลางหัวพอดี

 

“มึงลืมรึไงว่าสองคนนี้”

 

“เออวะ”

 

“ไม่เป็นไรครับผมนั่งได้” เพราะไม่อยากให้รุ่นพี่ลำบากมากนักเลยตัดสินใจพาตัวเองไปนั่งที่ข้างๆกับอดีตกัปตันทีมโรงเรียน

 

ยุนดูจุน

 

กำลังมองคนที่นั่งลงข้างๆกับเขาก่อนจะพงกหัวรับแก้วใบเล็กมายกดื่มให้หมดภายในอึกเดียวตามมารยาท ก่อนเจ้าตัวจะโดนถามไถ่อะไรไปต่างๆนาๆ

 

อีกีกวังเรียนอยู่มหาวิทยาลัยศิลปะเช่นเดียวกับเขา แต่กีกวังเรียนวาดภาพส่วนเขาเรียนการแสดง จึงแทบจะไม่ได้เจอกันเลยแม้ว่าจะเรียนที่เดียวกัน

 

ไม่ได้เจอกันเลยตั้งแต่เลิกกันไป

 

งานเลี้ยงรุ่นดำเนินมาร่วมสามชั่วโมงแล้วเริ่มมีคนทยอยกลับไปเรื่อยๆ คนที่เหลือส่วนใหญ่ก็เป็นพวกที่สนิทสนมกันและหัวหลักในการจัดงานวันนี้

 

กีกวังเองก็อยากกลับเต็มทีแล้วติดตรงที่เขาโดนรั้งไว้ไม่ให้กลับซักที

 

แม้ว่าจะนั่งข้างกันพูดคุยกับคนทั้งงานแต่กับคนข้างตัวเขายังไม่ได้ทักกันซักคำเลย เสี้ยวหน้าของอีกคนที่ทำให้เห็นสันกรามอย่างชัดเจนจนอดคิดไม่ได้ว่าอีกคนต้องลดน้ำหนักลงมามากขนาดไหน

 

เมื่อก่อนยังไม่เห็นสันกรามชัดขนาดนี้เลยนะ

 

“มันหล่อขึ้นหรอกีกวังจ้องขนาดนั้น” เสียงรุ่นพี่ที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามกันคนอายุน้อยที่สุดในโต๊ะให้พาลสะดุ้งแต่ก่อนจะลากสายตาออกจากหน้าอีกคนได้ ตาคมของอีกคนก็หันมาสบกับกีกวังพอดี

 

“พี่ดูจุน”

 

“…”

 

“ผอมลงมากเลยนะครับ”

 

“ฮิ้วๆ ถ่านไฟเก่าเว้ยยย” เพราะความเมาทำให้คนอื่นไม่ได้ยินเสียงของรุ่นพี่คนนี้ ยังดีที่กีกวังพอจะครองสติได้บ้างคงเพราะคนข้างๆอีกนั่นแหละที่ช่วยเขาดื่ม แม้จะไม่ได้เอ่ยแต่ทุกครั้งที่มีแก้วโซจูถูกยื่นไว้ข้างๆเมื่อเขาหันไปมันก็หมดทุกที

 

“เออกูถามจริงเถอะ”

 

“อะไร” ดูเหมือนว่าดูจุนจะเริ่มรำคาญไอเพื่อนที่เมาแล้วพูดมากคนนี้เหลือเกิน แต่ถ้ายังไม่ตอบก็ยิ่งจะโดนเซ้าซี้เขาถึงต้องมาตอบมันอยู่นี้ไง

 

“พวกมึงไปคบกันยังไงวะ”

 

“เออจริงว่ะ มาถึงก็เปิดตัวเลย ยังไม่ทันรู้ไปคบกันยังไง” ดูจุนได้แต่กลอกตาเล็กน้อยเขาไม่น่าเปิดโอกาสให้มันพูดเลยจริงๆ

 

“เรื่องมันเก่าละพูดทำไมวะ”

 

“ น้องกีกวังเล่าให้พี่ๆฟังหน่อยสิ้” เขาเหลือบมองคนข้างๆที่เอาแต่มองคนนั้นคนนี้ไปมาก่อนจะส่งยิ้มหวานพลางส่ายหน้าให้

 

เรื่องอะไรเขาจะต้องเล่าเรื่องแบบนี้ให้คนอื่นฟังวะ

 

 

“พี่ดูจุนครับผมชอบพี่” เด็กชายตัวกลมนิดๆให้เดาจากชุดที่ใส่แล้วน่าจะอยู่ที่ม.ต้นกำลังยื่นขนมสารพัดอย่างให้เขา ใบหน้าขาวขึ้นริ้วแดงที่แก้มชวนให้อยากจะเอามือลงไปจิ้มไม่หยอก

 

“ทำไมชอบพี่ละ” เขาไม่ใช่คนโง่ที่ไม่รู้ตัวว่าตัวเองค่อนข้างป็อบพอสมควร คนสารภาพรักกับเขาก็เยอะแต่เขายังไม่สนใจเรื่องแบบนั้นมากนัก อาจจะเพราะมีแต่คนชอบแต่ภาพลักษณ์เขาละมั้งเขาเลยยังไม่เลือกใครซักคนอยู่ดี

 

“พี่เท่นี่ครับ” นั่นไง เหตุผลเดิมๆแต่เมื่อดูจุนกำลังจะพูดปฏิเสธอีกคนเจ้าตัวกลับพูดขึ้นมาขัดเขาซะอย่างนั้น

 

“เมื่อก่อนผมไม่มีความคิดอยากจะออกกำลังกายเลยซักนิด แต่เมื่อปีที่แล้วที่พี่ได้ทำประตูให้กับโรงเรียนเรา” เสียงหวานพูดถึงงานกีฬาประจำปีที่โรงเรียนเขามักจะจัดแข่งกับอีกหลายๆโรงเรียนและเขาเป็นที่ทำประตูให้โรงเรียนเป็นแชมป์ได้ ตาใสเป็นกายเมื่อนึกถึงช่วงเวลานั้น

 

“มันทำให้มอยากจะออกวิ่งซักที แล้วผมก็เริ่มทำ”

 

“….” ดูจุนยังคงมองหน้าอีกคนที่พูดถึงตัวเขาและเจ้าตัวเองด้วยอารมณ์แบบไหนเขาก็ไม่เข้าใจ

 

“แต่ผมก็ไม่ได้หวังให้พี่รับรักผมนะครับ”

 

“…”

 

“รอไว้ผมผอมเมื่อไหร่ผมจะมาสารภาพรักกับพี่อีกทีนะครับ”

 

“ไม่ต้องหรอก”

 

“ห้ะ”

 

“คบกันตอนนี้แหละเดี๋ยวผอมขึ้นมาคนชอบเยอะฉันก็แย่สิ” จำได้ว่าตอนนั้นดูจุนคิดแค่ว่าอยากให้เจ้าเด็กคนนี้ผอมดูซักครั้งอย่างน้อยมันก็ดีต่อสุขภาพเจ้าตัวเอง ไม่ได้คิดเลยว่าช่วงเวลาที่คบกันจะยาวนานขนาดนี้

 

“พี่ดูจุนนน” เสียงหวานที่คุ้นเคยดังขึ้นก่อนเจ้าตัวซะอีก รอยยิ้มหวานที่มีให้เขาตั้งแต่วันแรกจนตอนนี้ผ่านมาหนึ่งปีแล้วมันยังคงอยู่และมีให้เขาเสมอ

 

เด็กตัวกลมได้หายไปแล้วเหลือแค่อีกีกวังตัวเล็กคนนี้ เจ้าตัวตัวเล็กกว่าที่ดูจุนคิดไว้จำได้ว่าพอเริ่มคบกันกีกวังขอให้เขาปิดสถานะพวกเขาไว้ บอกแค่ว่าให้พากีกวังเข้าชมรมเพราะอย่างลดน้ำหนัก

 

ไปๆมาๆกลายเป็นผู้เล่นเบอร์10 ผู้เล่นที่สามารถเล่นได้ทุกตำแหน่งได้เป็นอย่างดี

 

“มานี่สิ” กีกวังเดินตามรุ่นพี่เขา1ปีอย่างดูจุนไปตามทางซึ่งเขาคุ้นเคยเพราะเข้ามาตลอด 1 ปีที่ผ่านมาอย่างห้องชมรมฟุตบอลเอง

 

“อ่ะ” มือใหญ่กว่ากุมมือเล็กก่อนจะกระชับแน่นไม่ให้อีกคนปล่อย อีกข้างของคนเป็นพี่ค่อยๆเปิดประตูก่อนจะพูดประโยคที่ทำให้คนทั้งห้องช็อครวมไปถึงกีกวังเองด้วย

 

“เฮ้ยพวกมึง กูกับกีกวังเป็นแฟนกันแล้วนะ” วันนั้นไม่ได้ซ้อมดีๆเลยเพราะทุกคนล้วนเวียนมาถามเขาว่าไปคบกันตอนไหน คบกันเมื่อไหร่ จบการซ้อมวันนั้นด้วยการไปกินเนื้อย่างที่ร้านนี้ร้านเดิมเพื่อฉลองที่กัปตันคนหล่อมีแฟนซักที

 

 

“อร่อยมากเลยละสิ” ดูจุนเอ่ยขึ้นก่อนจะยื่นมือไปเช็ดมุมปากให้กับอีกคนที่กินไอศกรีมจนเลอะ เสร็จก็เท้าคางมองอีกคนเหมือนเดิม

 

“พี่ไม่กินหรอ” หลังจากผงกหัวขอบคุณเจ้าคนที่เอาแต่กินถามคนที่นั่งตรงข้ามเขาว่าทำไมถึงปล่อยให้เขากินคนเดียวแบบนี้

 

“ไม่ละเดี๋ยวอ้วน”

 

ผัวะ

 

ไวกว่าความคิดเมื่อมือของกีกวังฟาดลงบนแขนอีกคนอย่างพอดิบพอดี ให้ตายสิตั้งแต่เขาน้ำหนักลงมากขึ้นจนตอนนี้อีกคนต้องพามาขุนเนื่องจากผอมเกินไปแล้วมาบ่นต่อหน้าเขาว่าจะอ้วนแบบนี้ได้ยังไงกัน

 

“ปากเสีย”

 

“หมายถึงพี่ไงไม่ใช่เราซักหน่อย”

 

“เออไม่รู้แหละ” ช้อนคันเล็กถูกยื่นมาตรงหน้า ดูจุนก็ยังส่ายหน้าให้อีกคนเหมือนเดิมเพราะเขาไม่อยากจะกินจริงๆแต่อีกคนเริ่มให้ไม้ตายอีกครั้ง

 

“ไม่กินจริงๆหรอครับ” เสียงอ่อยๆพร้อมกับสายตาหมาน้อยแบบนี้มีหรือที่ยุนดูจุนจะใจแข็งอยู่ได้ ปากเขาค่อยๆงับเอาเจ้าไอติมในช้อนคันเล็กมา ก่อนจะเห็นยิ้มหวานจากกีกวังเป็นรางวัล

 

“ไงอร่อยมั้ย” ตาใสเบิ่งกว้างเมื่ออยู่อีกคนก็ทาบริมฝีปากกับเขา มือใหญ่จับตรงคางอีกคนให้ปากอิ่มเปิดออกเล็กน้อยก่อนจะส่งลิ้นเข้าไปสำรวจโพรงปากหวานของอีกคน

 

“อร่อยมั้ยละ” แล้วดูจุนก็ได้ขนมตุ๊บตั๊บมาชุดใหญ่ข้อหาจูบเจ้าตัวในที่สาธารณธและยังไม่ทันได้ตั้งตัว

 

“งี้ถ้าตั้งตัวก็ทำได้สิ โอ๊ย” ยัง ยังไม่เข็ดอีก

 

 

 

 

“งั้นกูเปลี่ยนคำถามก็ได้” เมื่อว่าเพื่อนเขาจะยังไม่เลิกไม่ลา ดูจุนเลยต้องหันมาถามอีกคนที่นั่งข้างๆเขาแทนที่จะสนใจเพื่อนเขาแล้ว

 

“จะกลับเลยมั้ยเดี๋ยวไปส่ง”

 

“พวกมึงเลิกกันได้ไงวะ” แก้วในมือของกีกวังแทบหล่น แม้จะคิดอยู่แล้วต้องมีคนถามแน่ๆแต่เขาไม่พร้อม ไม่อยากจะตอบเท่าไหร่นัก

 

มันไม่ใช่เรื่องที่น่าป่าวประกาศเท่าไหร่นัก

 

“กูขี้เกียจตอบ พูดมากขนาดนี้ไปจ่ายตังเลยนะมึง” มือใหญ่คว้าข้อมือเล็กของคนข้างๆก่อนจะพาออกไปจากร้านจากสถานการณ์อึดอัดแบบนั้นให้เป็นสวนสาธารณะใกล้ๆแทน

 

ความเงียบถูกปกคลุมแทนความวุ่นวายเมื่อครู่ มือเล็กหยิบเครื่องมือสื่อสารก่อนจะส่งข้อความไประหว่างที่รอดูจุนเคลียร์ค่าใช้จ่ายแล้วค่อยๆออกเดินไปยังสวนสาธารณะใกล้

 

“สบายดีมั้ยครับ” มีคำถามมากมายที่อยากจะถามแต่สุดท้ายกีกวังก็เลือกคำถามที่ดูโง่ที่สุดมาถาม อีกีกวังยังไงก็คืออีกีกวังที่ดูจุนรู้จักมาตลอดสามปี

 

“อื้มก็ดีแต่เหนื่อยหน่อย”

 

“ผอมลงมากเลยนะครับ”

 

“อื้ม” กีกวังเริ่มเบนสายตามามองมือตัวเองแทนเมื่อบทสนทนาจบลงเร็วกว่าที่คิดไว้ ปากอิ่มค่อยๆเม้มเข้าหากัน เขากำลังลังเลว่าควรพูดดีมั้ย

 

“คิดถึงนะ” เป็นเสียงทุ้มของคนข้างๆที่ชิงพูดก่อนเขา ตาใสเบิ่งกว้างเล็กน้อยไม่รู้ว่าเจ้าตัวกำลังคิดอะไรอยู่ แม้จะรู้ว่ากีกวังนิสัยแบบไหนแต่เขาเดาอามรณ์กีกวังตอนนี้ไม่ได้เลย

 

ความผิดอาจจะเป็นที่เขาก็ได้

 

 

“ก็แค่เพื่อนอ่ะ”

 

“เพื่อนหรอใกล้กันขนาดนั้น เพื่อนทำไมไม่จูบกันไปเลยละ”

 

“พี่ดูจุน!!” ก่อนหน้าที่จะครบรอบสามปีในไม่กี่วันพวกเขาทะเลาะกันอีกแล้ว ดูจุนกลายเป็นหนุ่มมหาวิทยาลัยส่วนกีกวังก็เป็นเด็กไฮสคูลปีสุดท้าย

 

ความเครียดในการปรับตัวเข้ากับสังคมใหม่การเรียนแบบใหม่ของดูจุน กับ ความเครียดที่จะต้องสอบเข้าและติดเพื่อนของกีกวังทำให้มันกลายเป็นปัญหามาโดยตลอด

 

ทุกๆครั้งที่เจอพวกเขาจะต้องทะเลาะกันไม่เรื่องใดก็เรื่องหนึ่งทุกครั้ง

 

“พูดจริง จูบมันไปเลยดิ”

 

ผัวะ

 

หมัดเล็กแต่แข็งแรงกระทบกับแก้มขวาของคนอายุมากกว่าด้วยแรงโทสะ เขาเหลือทนแล้วที่จะต้องมาฟังอีกคนมาพูดแดกดันเขาแบบนี้ กีกวังค้นกระเป๋าก่อนจะหยิบข้าวของทุกอย่างที่ดูจุนเคยซื้อให้รวมไปถึงกระเป๋าใบนั้นแล้ววางมันไว้เบาะหลังรถ

 

“พอเลิกเถอะ”

 

“…”

 

“ไม่ไหวแล้วว่ะพี่ ถ้าทุกครั้งที่เราเจอกันต้องทะเลาะกันแบบนี้” ตาใสวาวกว่าเดิมเพราะน้ำใสๆในตาแต่เจ้าตัวพยายามกลั้นมันไม่ให้ไหลลงมา

 

อย่างน้อยก็ต่อหน้าดูจุนไม่ให้มันไหลก็พอ

 

“ผมก็เบื่อแล้วที่ต้องเป็นแบบนี้”

 

“เอองั้นก็เลิกกันไปเลย” เพราะยังมีความโกรธที่คงค้างทำให้ดูจุนพูดตอบรับไปโดยไม่แม้แต่จะทำการปรับความเข้าใจกันแม้แต่น้อย คนตัวเล็กได้ยินคำตอบนั่นชัดเจนเต็มสองหูมือเล็กค่อยๆกำหมัดแน่นเพื่อสะกดอารมณ์ตัวเอง

 

“เออ” กีกวังเดินออกมาจากรถคันนั้นพร้อมๆกับความสัมพันธ์ของพวกเขาที่จบลง

 

 

 

“แค่คิดถึงตอนนั้น”

 

“…”

 

“แล้วก็คิดถึงมาตลอด” หลังจากที่เลิกกันดูจุนก็เข้าใจว่าการที่ไม่มีคนตัวเล็กมันไม่โอเคเหมือนที่คิดไว้เลย เขาอยากได้อีกคนกลับมาเหมือนเดิมแต่เพราะทิฐิของเขาเองทำให้เขาเองไม่กล้าที่จะไปหา พูดคุยหรือเจอหน้าเท่าไหร่

 

วันนี้คงเป็นโอกาสเดียวของเขาแล้ว เขาดีใจมากแค่ไหนที่เห็นอีกคนก้าวเข้ามาในร้านแถมยังเลือกที่จะนั่งข้างเขาอีกมันพอจะทำให้เขากล้าที่จะทำในสิ่งที่เขาควรทำมาตั้งนานแล้ว

 

“กีกวัง” เสียงใครบางคนกำลังเรียกคนตัวเล็กจากที่ไม่ห่างกันมาก กีกวังเหลียวไปมองตามเสียงเล็กน้อย

 

“พี่จุนฮยอง” ยงจุนฮยอง เจ้าของแบรนด์เสื้อผ้าที่กีกวังกำลังเป็นแบบให้อยู่แม้จะอายุเท่ากับดูจุนแต่อีกคนสามารถทำแบรนด์ของตัวเองออกมาให้เป็นที่ต้องการของตลาดได้อย่างรวดเร็ว

 

เป็นคนที่เก่งคนหนึ่ง

 

เพราะแบบนี้สินะกีกวังถึงไปเป็นแบบให้ ท่าทางสนิทสนมพอจะบอกให้ดูจุนถอยออกมาอยู่เงียบๆก่อนจะตัดสินใจหันหลังแล้วเดินกลับไป

 

“คนนั้นนะหรอดูจุน” หัวกลมพยักหน้าให้กับคำตอบของจุนฮยอง คนตัวสูงกว่าขมวดคิ้วก่อนจะจับไหล่ของกีกวังไว้ให้อีกคนหันมามองเขา

 

“แล้วทำอะไรอยู่”

 

“ทำไมไม่ไปหาเขาละ” ทำไมจุนฮยองจะไม่ได้ยินที่ดูจุนพูดกับกีกวัง ทั้งที่ก็รู้ว่ากีกวังรู้โอกาสแบบนี้มานานขนาดไหนทำไมถึงปล่อยไปแบบนี้กันละ

 

“ถ้าแกไม่ตามเขาไปพี่จะไม่ให้ฮงกีมันรับแกเป็นน้อง” กีกวังได้แต่เบ้ปากให้อีกคน ตาใสมองแผ่นหลังของดูจุนด้วยท่าทางลังเลใจ จุนฮยองถอนหายใจทีหนึ่งก่อนจะพูดในสิ่งที่เขาคิดจริงๆ

 

ใช่ เขากับกีกวังกำลังมีอะไรบางอย่าง อย่างน้อยก็แค่คุยๆกันอยู่แต่เขาก็พอรู้ว่าเขาพัฒนาความสัมพันธ์นี้เกินพี่น้องไม่ได้เลย ในเมื่อเขาสู้คนในใจที่มีอยู่มาตลอดไม่ได้เลย

 

“พี่ไม่เป็นไร”

 

“กีกวังไปเถอะ” คนตัวเล็กโค้งขอโทษให้จุนฮยองก่อนจะตัดสินใจวิ่งไล่ตามหลังของดูจุนที่เหมือนจะไกลจนแทบมองไม่เห็น

 

 

อย่างน้อยก็ทำให้เขาได้รู้ว่ากีกวังคงจะมีความสุขแน่ๆต่อจากนี้

 

 

สกิลนักฟุตบอลที่มีติดตัวมาทำให้เขาไล่ตามอีกคนได้ไม่ยากแต่จะคลาดกันก็ตอนที่จะข้ามถนนนี่แหละ

 

“พี่ดูจุน” เจ้าของชื่อค่อยๆหันกลับมามองก่อนจะตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเป็นกีกวังเองที่เป็นคนเรียก ยังไม่พอมือเล็กยังเข้ามากุมมือเขาไว้ก่อนจะพากันเกินข้ามถนนตามสัญญาณไฟ

 

“กีกวัง? ทำไมไม่กลับบ้าน”

 

“พี่บอกคิดถึงผมไม่ใช่หรือไง”

 

“ก็ใช่”

 

“ก็แค่อยากจะบอกว่า” กีกวังกระชับมือที่กุมอีกอยู่ให้เป็นการประสานมือกันก่อนจะเดินไปตามท้องถนนที่แม้จะดึกมากแล้วแสงไฟที่เหลือตามข้างทางกลับทำให้กีกวังอดยิ้มออกมาไม่ได้

 

“ว่าอะไรละ”

 

“ว่าคิดถึงเหมือนกันนะ”

 

THE END

 


 

 

(fic) dukwang – Calling You

Title: Calling You

Pairing: DuKwang (Dujun & Gikwang)

Rate: PG

Author: red.bunny

 


 

ตอนนี้คุณกำลังทำอะไรอยู่ จะหลับหรือยังนะ

คุณต้องการผมไหม หรือว่าคุณลืมผมไปหมดทุกอย่างแล้ว

 

 

 

“งั้นไปแล้วนะ” เพื่อนเขาตะโกนบอกในขณะที่เขากำลังเดินเข้าตึกหอพักของตัวเอง เสียงโหวกเหวกโวยวายตามประสาของนักกีฬาทำให้คนแถวนั้นต้องหันมามองด้วยสายตาตำหนิ จนเขาต้องคอยขอโทษขอโพยแทนพวกมัน เมาแล้วเละจริงๆ

แต่ยังไงเขาก็ต้องขอบใจที่ยังอุตส่าห์มาส่งเขาถึงหอพักด้วยเหตุผลที่ว่าหอพักเขามันอยู่ไกลสุดแถมทางเปลี่ยว

 

‘เผื่อโดนฉุดไป ใครจะมาเป็นกองกลางกับกู๊ว’ เมคเซ้นสุด

 

ขาเรียวพาตัวเองขึ้นมาจนถึงชั้นสี่ของตึก คงเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่เพิ่งจัดเต็มไปเริ่มออก เลยทำเอาเขามึนหัวแล้ว กว่าจะหากุญแจไขได้ก็ลำบากเล็กน้อย

 

ทิ้งตัวลงบนเตียงของตัวเองพลางปิดตาลง ได้แต่บอกตัวเองว่าขอซักสิบนาทีแล้วเขาจะลุกขึ้นไปอาบน้ำ ไม่งั้นกลากเกลื้อนหรืออะไรซักอย่างต้องถามหาเขาแน่ๆ

 

เลขนาฬิกาชี้เลข12 ค่อยเคลื่อนตัวไปจนถึงเลข1อย่างรวดเร็ว คนที่ยังคงนอนอยู่บนเตียงไม่ได้รู้สึกตัวเลยซักนิดจนกระทั่งโทรศัพท์ดังเพราะมีสายเข้า

 

“ฮัลโหลครับ” ปลายสายเงียบไปซักพัก ได้ยินเพียงแค่เสียงดนตรีคลอมาเบาๆบ่งบอกว่าอีกคนอยู่ที่ไหนแต่ก็ยังไม่ยอมพูดอยู่ดี

 

“ฮัลโหลครับ??”

 

“ถ้าไม่ตอบผมวางนะ”

 

/เดี๋ยว/ เสียงทุ้มที่ดังขึ้นทำให้เขาตาตื่นได้โดยทันที ตากลมเสมองนาฬิกาเล็กน้อยก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อรู้ว่าอีกคนยังไม่กลับบ้าน

 

แม้รู้ว่าเขาไม่มีสิทธิ์ทำแบบนั้นแล้ว

 

“มีอะไรรึป่าวครับ”

 

/ไม่มีอะไรหรอก/

 

“ครับ?”

 

/พี่แค่คิดถึง/

 

อี กีกวังนักศึกษาชั้นปีที่ 3 นักกีฬาฟุตบอลของมหาวิทยาลัยที่กำลังไปซ้อมมาแล้วไปดื่มต่อทั้งหมดทั้งมวลยังไม่น่ามึนหัวเท่ากับประโยคที่ปลายสายเพิ่งพูดกับเขา อยากตัดสายให้มันจบๆไปแต่เขารู้

 

เขารู้ว่าในใจเขาก็ยังเรียกร้องอีกคนอยู่

 

“เมาหรอครับ” หลังจากรวบรวมสติได้ก็ยกหูมาคุยต่อ ตอนแรกนึกว่าอีกคนจะวางไปแล้วแต่ไม่ ปลายสายยังคงรอเขา

 

/มั้ง แต่ก็ไหวอยู่/

 

“ให้ผมเรียกแท็กซี่ให้มั้ยครับ”

 

/รู้หรอว่าพี่อยู่ไหน/ ประโยคที่ปลายสายเอ่ยออกมาทำเอาเขาเผลอเม้มปากตัวเอง ใช่ เขาลืมไปว่าเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับอีกคนแล้ว

 

กีกวังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับยุน ดูจุนอีกแล้ว

 

“ขอตัวไปอาบน้ำนะครับ” เป็นกีกวังเองที่เสียมารยาทตัดสายไปก่อนแล้วเลือกที่จะหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไป

 

เกือบๆสามเดือนแล้วที่กีกวังเลือกที่จะตัดความสัมพันธ์กับยุน ดูจุนแฟนรุ่นพี่ของเขาที่พักหลังๆเหมือนกับอีกคนทุ่มเทกับงานมากจนละเลยเขา ทะเลาะกันบ่อยขึ้น พูดไม่รู้เรื่องกันบ่อย เวลาที่ไม่ค่อยจะมียิ่งหายไปเมื่อกีกวังเลือกเป็นนักกีฬาของมหาวิทยาลัย ความไม่เข้าใจกันแต่เลือกที่จะไม่คุยมันเป็นปัญหาสะสมจนเหมือนปมเชือกที่มีมากขึ้นเรื่อยๆจนเป็นกีกวังเองที่ตัดสินใจตัดมันทิ้งซะ

 

หลังจากนั้นยุน ดูจุนก็หายไปจากชีวิตของอี กีกวังเลย

 

จนกระทั่งวันนี้

 

 

“โอย ปวดเอวชิบ” คงเพราะวันนี้ซ้อมเยอะเป็นพิเศษจนทำให้ร่างกายแสดงอาการออกมา เขาคว้ายาแก้ปวดมากินก่อนจะแผ่ตัวลงนอนบนที่นอน

 

20 miss call

 

สายที่ไม่ได้รับจากคนคนเดียวที่เขาเพิ่งวางสายไป มันเยอะจนเขาเผลอคิดเรื่องไม่ดีเอาซะได้

 

 

 

“จะพากลับบ้านมันก็ไม่ยอมบอกแต่ว่าจะไปหานายนี่แหละ” ร่างที่สูงกว่าเขาถูกส่งมาให้ดีที่เขาเป็นนักกีฬาไม่งั้นคงได้ล้มกองกันหน้าหอนี่แน่ๆ

 

“อ่า ขอบคุณมากนะครับ” กีกวังเอ่ยขอบคุณเพื่อนร่วมงานของคนที่เมาพับจนเขาต้องเอาแขนมาคล้องคอตัวเองไว้พลางโอบเอว

 

“ยังไงก็โทรมาหาฉันได้นะถ้ามันอาละวาด” กีกวังพยักหน้าหงึกหงักให้จนอีกคนขึ้นแท็กซี่ไปลับสายตาถึงเพิ่งคิดได้ว่าเขายังไม่มีเบอร์อีกคนแล้วถ้าอาละวาดจริงๆใครจะช่วยเขาละ

 

 

กีกวังเริ่มคิดว่าเขาควรจะอาบน้ำอีกรอบดีมั้ยหลังจากที่แบกคนที่ตัวโตกว่าทั้งส่วนสูงและอายุมาถึงชั้นสี่แล้วเล่นเอาเหงื่อโชก

สุดท้ายเขาก็หยิบผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำทันที

 

สัมผัสเย็นๆตรงแก้มทำให้เขาสะดุ้งตัวได้ง่ายๆก่อนจะพยายามฝืนตาตัวเองขึ้นมามองว่าเพื่อนคนไหนมันกำลังเช็ดตัวให้เขา

 

“กีกวัง?” มือหนาจับมือของอีกคนไว้ก่อนที่อีกคนจะได้ชักมือกลับได้ มือนุ่มของอีกคนยังคงนุ่มอยู่แม้ว่าจะออกกำลังกายหนักขนาดไหน

 

“ปล่อยก่อนสิครับผมจะได้เช็ดตัวให้” เสียงของอีกคนดูห่างไกลเหลือเกินจนดูจุนเริ่มคิดแล้วว่าเขาคงฝันอยู่สินะ

 

“อ่า วันนี้ฝันดีจัง” แล้วภาพค่อยๆมืดลงไป

 

กีกวังได้แต่มองอีกคนที่ละเมอขึ้นมาด้วยหน้าเห่อร้อน เวลาที่จากกันไม่นานมากแต่เขากลับคิดถึงสัมผัสจากอีกคนขนาดนี้เลยหรอ

 

 

 

แสงแดดยามเช้าส่องลงตรงหัวเขาพอดิบพอดีราวกับว่ามีหน้าต่างอยู่ด้านบนหัวของเขาเอง ทำให้เขาต้องดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมหัวเพื่อหลบแสงแดด

 

หน้าต่างด้านบนหัวหรอ

 

ไวกว่าการประมวลผลดูจุนรีบลุกขึ้นพรวดเพื่อนสำรวจสภาพแวดล้อม จนคนที่กำลังจะเดินมาดูสะดุ้งไปด้วย

 

“กีกวัง?”

 

“ครับ”

 

“กีกวังจริงๆหรอ” กีกวังไม่รู้ว่าอีกคนต้องการคำตอบแบบไหนเลยได้แต่พยักหน้ายืนยันเท่านั้น

 

หมับ

แรงกอดที่อยู่ก็ปะทะเข้ามาทำเอากีกวังเกือบหงายถ้าไม่ใช่แขนของดูจุนที่ล็อคเอวเขาไว้ได้ทัน พร้อมกับกอดที่ทำเอาเขาแทบหายใจไม่เอา เขาค่อยๆกอดกลับก่อนจะลูบหลังอีกคนเล็กน้อยเพื่อบอกให้ผ่อนแรงลง

 

“พี่คิดถึง” ก่อนที่พื้นบ้านของกีกวังจะเริ่มหมุนอีกครั้ง

 

 

“ก็จะรีบลุกทำไมละครับ” อาการแฮงค์ยังไม่หายไปง่ายๆเมื่อดูจุนเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยสภาพอิดโรยก่อนจะมานั่งข้างๆกีกวังบนโซฟา

 

“นี่ครับ” เครื่องดื่มแก้แฮงค์ก่อนส่งมาให้ดูจุนเขาหยิบขึ้นมาก่อนจะกินพรวดให้หมด แล้วหลับตานิ่ง ความเงียบเริ่มเข้ามาเมื่อไม่มีใครเริ่มเอ่ยปากพูดในใจจริงๆแล้วกับอยากพูดจนไม่รู้จะเริ่มแบบไหนก่อน

 

“งั้นพี่กลับก่อนนะ” เขาไม่รู้ว่ากำลังคาดหวังคำไหนจากอีกคน กีกวังทำเพียงแค่พยักหน้าให้แล้วลุกขึ้นเพื่อเตรียมไปส่งอีกคนที่หน้าห้อง

 

“ขอบคุณมากนะ”

 

“ครับ” ประตูกำลังจะปิดไปพร้อมๆกับโอกาสของเขาเอง ก่อนที่มันจะได้ปิดสนิทมือของคนที่อยู่ด้านนอกก็รั้งไว้ได้ทันก่อนจะออกแรงเปิดให้กว้างขึ้น

 

“ร้องไห้ทำไม” น้ำใสที่กำลังคลออยู่ตรงหน่วยตาร่วงหลุดทันทีที่กีกวังกระพริบตา ดูจุนกำลังมองเพราะเขาไม่รู้ว่าควรทำยังไง เขากอดได้มั้ย เขาปลอบได้มั้ย

 

“ตลกหรอครับ”

 

“ห้ะ”

 

“มาบอกคิดถึง โทรมาหา มาหาแล้วกลับ”

 

“…”

 

“ตลกมากมั้ยครับ” กีกวังไม่เข้าใจ เขานึกว่าทุกการกระทำที่เกิดขึ้นคือการที่ต้องการกลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่ไม่ใช่งั้นหรอ

 

คนตัวเล็กกว่าก้มหน้าไม่ยอมมองหน้าเขา ไหล่เริ่มสั่นเพราะการกลั้นไม่ให้ตัวเองร้องไห้ไปมากกว่านี้

 

แย่ชะมัดทำกีกวังร้องไห้อีกแล้ว

 

ดูจุนยอมรับว่าช่วงเวลาที่ทะเลาะกันเขามีความคิดที่อยากเลิกให้เรื่องทั้งหมดมันจบไป แต่เมื่อถึงเวลาจากกันจริงๆมันไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการเลย พวกเขาแค่แก้ผิดจุด ไม่ใช่การเลิกกันแต่คือการคุยกัน

 

แต่เขาก็กลัว กลัวว่ามันจะซ้ำรอยเดิม

 

ใจเขาอยากจะกลับไปคืนดีกับอีกคนขนาดไหนแต่เขาก็กลัวจะต้องจบ จะต้องทะเลาะกันอีก

 

ดูจุนค่อยๆช้อนคางอีกคนขึ้นมาให้สบตากัน ตาใสยิ่งใสวาวมากขึ้นเมื่อมีน้ำตา เขาใช้นิ้วโป้งเกลี่ยน้ำตาที่อยู่บนแก้มให้หายไป กลับเป็นว่าอีกคนร้องไห้มากกว่าเดิม

 

“ไว้เดี๋ยวพี่โทรหานะ”

 

ผมหวังว่าคุณจะได้ยิน

ผมโอเค หากคุณจะบอกว่าตอนนี้หยุดเถอะ

ผมไม่เป็นไรหากคุณจะพูดอะไรสักอย่าง

 

“พี่ไปอาบน้ำก่อนเดี๋ยวมารับไปกินข้าว”

 

THE END

 

 

 


 

แอมคัมมิ่งแบคคคค

เกร้ดกร้าดค่ะ จริงๆในหัวมีเรื่องเยอะมากกว่าจะเริ่มเขียนได้จริงๆ เห้ออออ

(fic) dukwang – Some

Title: Some

 

Pairing: DuKwang/DooKwang (DuJun & GiKwang)

 

Rate: PG

 

Author: red.bunny

 

Note: ดูคลิปดูกวังเพลงไม่บอกเธอมาอ่ะ เลยออกมาเป็นแบบนี้ ที่จริงคู่นี้ให้ความรู้สึกพี่ชายตัวโตกับน้องชายตัวเล็กมากนะไม่รู้ดิ / ให้โปรดนึกถึงสถานนะแบบเพลงSome ของจองกิโกกับโซยูนะเจรี๊ยะ

 

 

———————————————————–

 

 

 

 

 

“สวัสดีครับ ผมกีกวังครับผม”

 

เสียงทักทายมาพร้อมกับรอยยิ้มกว้างๆที่ใครมองก็ต้องยิ้มตาม พร้อมจะตกหลุมพรางของคนตรงหน้า รวมทั้งเขาเอง ปฏิเสธไม่ได้ว่าหลังจากนั้นเขาเองก็กลายเป็นโรคจิตไปโดยปริยาย

 

 

 

 

วันนั้นเป็นวันเปิดกิจกรรมชมรมของโรงเรียน แน่นอนว่าเขา ที่เป็นกัปตันชมรมฟุตบอลก็ต้องมานั่งรอน้องๆที่จะมาสมัครในห้องของชมรม

 

“เดี๋ยวพอแนะนำตัวเสร็จพาน้องๆเขาไปเลี้ยง มึงจะไปมั้ย” เพื่อนสนิทคนหนึ่งของเขาพูดเกริ่นๆให้ฟัง แน่นอนว่าไม่ได้ต้องการคำตอบจริงๆหรอก แค่พูดให้ฟังอ่ะนะ

 

“ไม่อ่ะมึงไปเถอะ” ขืนรอบนี้เขาหลวมตัวไปตกลงไปด้วยคงได้เปลี่ยนเป็นกัปตันเลี้ยงต้อนรับแน่ๆ เขารู้ดีจากสายตาของเพื่อนที่มันโหยหิวขนาดไหน

 

ไปเมื่อไหร่ก็เป็นเขาที่ต้องเลี้ยงตลอด เข็ดแล้ว

 

“โหยไรวะๆ เป็นกัปตันมึงต้องไปดิ” กำลังจะเข้ามาเซ้าซี้คนเป็นกัปตัน แต่ประตูห้องชมรมก็ถูกเปิดออกโดยประชาสัมพันธ์ของชมรม พร้อมกับน้องๆหน้าใหม่ทั้งหลาย

 

“พี่ยุน ดูจุน เป็นกัปตันและประธานชมรมนะ” แนะนำตัวสั้นพอให้จำได้ก็พอ เพราะเป็นชมรมที่ต้องให้คนแข่งทีตั้ง12คน ไหนจะปีอื่นอีก คนจัดการเรื่องต่างๆอีกไม่แปลกที่คนจะเยอะ กว่าจะแนะนำตัวเสร็จคงเย็นพอดี

 

 

“เอาละ เดี๋ยวเย็นนี้พวกพี่จะพาไปเลี้ยงเตรียมตัวได้เลย” เสียงเฮจากน้องๆที่แม้ว่าจะยังไม่สนิทกันมากแต่เพราะพี่ๆไม่ได้ทำให้เกร็งเท่าไหร่ เลยถือว่าเข้ากันได้ดีในระดับหนึ่ง

 

“พี่ดูจุนไม่ไปหรอครับ”

 

“มันไม่ปะ../ ไปดิ” พูดเสร็จคว้ากระเป๋านำลิ่วออกไปรอเพื่อนที่ทำหน้างงกับอารมณ์ของอีกคนก่อนจะขอตัวเดินไปหากัปตันก่อน

 

“อะไรวะ ไหนบอกไม่ไปไง” ระหว่างเดินไปที่จอดรถจักรยานก็กอดคอคนที่เพิ่งกลับคำตัวเองไปเมื่อกี้ให้มาคุยกัน

 

“เออน่า ไม่ดีรึไง”

 

 

 

 

ร้านตอกโปกีเจ้าประจำ ที่ถูกจับจองจนเกือบจะเต็มพื้นที่เพราะทั้งรุ่นพี่และสมาชิกใหม่บวกกับร้านเองก็ไม่ได้ใหญ่มากแต่รู้จักกับเจ้าของร้านมานาน อาหารก็จัดว่ารสชาติดีเลยไม่เคยจะเปลี่ยนใจไปไหนเท่าไหร่นัก

 

“แหนะ” สีข้างที่โดนสะกิดโดยไอเพื่อนตัวดี พร้อมกับส่งสายตารู้ทันมาให้ ดูจุนได้แต่เลิกคิ้วให้ด้วยความงง

 

“อะไร”

 

“ก็เห็นๆอยู่” ไม่พูดเปล่ายังบุ้ยปากไปหาคนที่กำลังโดนแย่งไข่ไปจากจาน หลังจากที่เพิ่งสั่งจาจังมยอนมากิน แม้ว่าจะเคืองเพื่อนแต่ก็แค่แปปเดียวเจ้าตัวก็กลับมายิ้มให้เพื่อนเหมือนเดิม

 

“น่ารักอ่ะดิ”

 

“อื้ม” ถ้ามองจากมุมนี่มีเขาเองที่เห็น คนที่โดนจ้องยังคงไม่รู้ตัวไปอีก จะปิดบังเพื่อนยังไงก็ไม่มิดหรอก รู้ๆกันอยู่ว่าพวกเขาไม่เคยมีความลับต่อกัน เลือกที่จะบอกตรงๆดีกว่า

 

“ชอบ??”

 

“อื้ม” นั่งจ้องนานๆก็เพลินจนเขาเกือบลืมทานของตัวเอง แทบโดนเอากรอกปากแล้ว กินเสร็จหันไปมองที่เดิมเกือบสะดุดลมหายใจตัวเองเมื่อเห็นอีกคนกำลังมองเขากลับมาเหมือนกัน เลยกลายเป็นการสบตากันซะแล้ว

 

ก่อนที่คนเป็นน้องจะส่งยิ้มกว้างมาให้  ดูจุนเองที่เป็นคนหลบสายตาไป มองนานๆแล้วไม่ไหวแน่

 

 

“น้องกีกวังอยู่บ้านแถวไหนอ่ะ” พอนานๆไปก็เริ่มมีคนทยอยกลับไปเรื่อยๆเหลือกันไม่กี่คนเลยกลับมากองกันอยู่โต๊ะเดียวมันซะเลย ดูจุนก็ทำท่าจะกลับหลายทีแต่โดนเพื่อนมันรั้งไว้เลยต้องอยู่ต่อ แถมตอนนี้ไอคนตาหวานดันมานั่งหน้าดูจุนอีก

 

“แถวXXXครับ”

 

“เห้ย แถวเดียวกับดูจุนเลยอ่ะสิ เดี๋ยวกลับพร้อมมันเลยดิ ไม่มีใครมารับใช่ปะ” เพื่อนเขาไม่ได้โกหกแต่มันดูเป็นบังเอิญจนเขาเองก็ยังแปลกใจเหมือนกัน

 

“แต่ผมเกรงใจพี่ดูจุน”

 

“ไม่ต้องเกรงใจ กลับด้วยกันนั่นแหละดีไม่เปลืองด้วย”

 

“แต่ว่า…”

 

“ทำไมกลัวฉันหรอ”

 

 

 

จักรยานสีแดงสีสดกำลังแล่นไปตามทางของจักรยานด้วยความเร็วไม่มากนัก เพระคนปั่นยังไม่อยากที่จะรีบไปไหน ฟ้ามืดแล้วแต่อากาศไม่เย็นมากนัก เหมาะกับการปั่นไปเรื่อยๆแบบนี้มาก จะอึดอัดก็ตรงที่คนซ้อนไม่ยอมพูดอะไรซักทีเนี่ยแหละ

 

“ฉันทำให้นายอึดอัดมั้ย” เป็นดูจุนเองที่ทนไม่ได้ หลังจากทำให้อีกคนจนมุมแล้วสามารถพามาส่งที่บ้านได้ คนเป็นน้องก็ดูเงียบๆไป

 

“อ้อ ป่าวครับ”

 

“ฉันไม่น่ากลัวขนาดนั้นหรอก” ไม่รู้ว่าดูจุนพูดด้วยอารมณ์แบบไหน แต่ตอนนี้กลายเป็นกีกวังที่ยิ้มให้กับแผ่นหลังของคนปั่น เหมือนได้คลายกังวลตัวเองออก ก่อนที่เสียงเจื้อยแจ้วจากคนซ้อนจะดังไปตามทาง มีเสียงคนปั่นแทรกมาเป็นระยะ

 

 

 

 

 

“อ้าว กีกวังไปไหนหน่ะ” ตอนนี้ใกล้จะแข่งกีฬาระหว่างโรงเรียนแล้ว ปีกขวาดันหายหัวไปอีก พอถามเพื่อนๆในสนามก็ไม่มีใครรู้เลยต้องเดินออกไปตามเองแบบนี้

 

 

ปึ้ก

 

“โอ๊ยยยยย” เรียกว่าเป็นการปลุกที่มีประสิทธิภาพเสมอ ดูจุนคิดในใจ ก่อนจะมองคนที่กุมหน้าผากตัวเองพร้อมกับมองค้อนให้เขาอีก

 

“ไม่ต้องมามองแบบนี้ นัดซ้อมแล้วมาแอบหลับในห้องสมุดได้ไง” กว่าจะตามหาอีกคนเจอ ดูจุนวิ่งไปหาทั้งในห้องเรียน ห้องชมรม ถ้าไม่ได้เพื่อนของกีกวังเองที่โทรมาบอกเขาว่าไอตัวเล็กอยู่ในห้องสมุดเขาก็คงหาไม่เจอ แถมมาถึงก็เจอในสภาพที่นอนน้ำลายยืด โทรหาเป็นสิบกว่าสายไม่รับ หลับลึกซะจริง

 

“ไม่ได้แอบซักหน่อย เนี่ยมาทำการบ้าน” คนตัวเล็กชูสมุดการบ้านแสดงความบริสุทธ์ทันที พร้อมกับคาดโทษเพื่อนสนิทเขาในใจ มันแอบหนีกลับบ้านตอนไหนทำไมเขาไม่รู้กัน

 

“เดี๋ยวพี่สอน ตอนนี้ไปซ้อมก่อน” จากหน้านิ่วคิ้วขมวดกลายมาเป็นยิ้มกว้างโดยทันที  ก่อนจะรีบเก็บของไม่ให้คนเป็นกัปตันชมรมรอนาน

 

 

เกือบลืมหายใจเมื่อเธอเข้ามา ใกล้ ๆ

แค่เธอยิ้มมา ก็สั่นไปทั้งหัวใจ

อยากจะบอกเธอให้ได้รับรู้ความในใจ

 

“โอย เสร็จแล้วววววว” ตากลมเหลือบไปมองนาฬิกาที่ติดอยู่ตรงผนังห้องนอนของคนอายุมากกว่าบอกเวลาห้าทุ่มกว่าแล้ว จัดการเก็บของลงกระเป๋าแล้วเตรียมตัวลงนอนทันที เมื่อดูจุนยกโต๊ะพับไปเก็บ

 

“พี่ดูจุน” เรียกอีกคนที่กำลังจะขนฟูกมาให้ตัวเองนอนข้างล่าง ส่วนกีกวังก็นอนบนเตียงของดูจุนแทนหันมาทัก ก่อนจะได้เสียงตอบรับจากในลำคอ

 

“นอนข้างบนด้วยกันได้ม่ะ” เตียงก็ออกจากกว้างกีกวังสามคนยังนอนได้สบาย ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทุกครั้งที่เขามานอนบ้านดูจุนทำไมต้องปูฟูกอีก

 

“แล้วกวังไม่อึดอัด??” หัวเล็กส่ายหน้าให้เบาๆ แน่ละ เขานอนนิ่งจะตาย

 

“นอนด้วยกันนี่แหละ รังเกียจน้องหรอห้ะๆ” ดูจุนมองอีกคนที่เดี๋ยวนี้มีต่อล้อต่อเถียงแล้วอดหมั่นไส้ไม่ได้ เขกหัวเล็กนั่นซักที

 

“เออนอนก็นอน” ก่อนที่จะคว้าผ้าเช็ดตัวเขาห้องน้ำแทน หลบรอยยิ้มกว้างของอีกคนที่ส่งมาให้จนตาหยี

 

กว่าจะอาบน้ำเสร็จก็ปาไปเที่ยงคืนพอดี ออกมาเห็นอีกคนนอนขดเป็นกุ้งอยู่กลางเตียงเพราะเจ้าคนตัวเล็กเองนั่นแหละที่ชอบเปิดเครื่องปรับอากาศให้เย็นๆแต่ตัวเองดันเป็นคนขี้หนาวอีก

 

ค่อยๆแทรกตัวเข้าไปในผ้าห่มให้รบกวนคนที่นอนอยู่ให้น้อยที่สุด กว่าจะได้ที่นอนก็เล่นทำเหนื่อยเหมือนกัน คนข้างๆขยับตัวเล็กน้อย ก่อนที่หัวทุยจะตัดสินใจแนบลงตรงแขนของคนที่เพิ่งได้ที่นอน

โอเค วันนี้เขาจะนอนหลับมั้ย

 

 

 

“สรุปเป็นอะไรกัน” ดูจุนได้แต่กลอกตาให้กับคำถามนี้ ทุกวันเขาจะต้องเจอตลอด ไม่ให้เพื่อนอย่างเขาสงสัยได้ไงละหลังจากวันที่ไปเลี้ยงน้องๆวันนั้น ดูจุนกับกีกวังกลับบ้านด้วยกันตลอด แถมยังไปนอนค้างบ้านกันอีก การบ้านก็ช่วยสอน บางทีมีทำข้าวกล่องมาฝากอีก อะไรบอกพี่น้องควรเชื่อมั้ยละ

 

“ก็เหมือนที่เคยบอก”

 

“ทำไมไม่ขอน้องเขาเลยวะ”

 

“กลัวเร็วไปว่ะ”

 

“เร็วอะไรวะ มึงชอบรึไงครึ่งๆกลางๆแบบนี้” โอเค สารภาพว่ามันแทงใจสุด แต่เขาไม่แน่ใจว่ากีกวังคิดตรงกันจริงๆมั้ย ไม่ใช่เพราะเขาใส่ใจน้องมันเลยหวั่นไหวหรอกหรอ

 

“กูมั่นใจในตัวเองแต่กลัวคำตอบวะ”

 

“เอางี้กูมีวิธี”

 

 

 

“พี่ยงกุก” เสียงกีกวังที่เรียกรองกัปตันที่กำลังเก็บบอลใส่ถุงหลังจากที่ซ้อมเสร็จ พรุ่งนี้จะเป็นวันแข่งแล้ว

 

“มีไร”

 

“ช่วงนี้พี่เจอพี่ดูจุนบ้างมั้ยอ่ะ” มันออกจะแปลกซักหน่อย เพราะช่วงนี้กีกวังแทบจะไม่เจอดูจุนเลย ไปหาที่บ้านแม่ของดูจนก็บอกยังไม่กลับ พอมาที่สนามบอลก็ไม่เจอ เป็นกัปตันแท้ๆไม่เห็นจะโผล่มาดูเลย  ส่งข้อความไปก็ตอบทีก็ข้ามวัน จนกีกวังหงุดหงิดไม่ส่งหาแล้ว

 

สามวันแล้วนะ

 

สามวันที่ไม่ได้เจอ  ไม่ได้คุย ไมได้เห็นหน้า

 

เหงาชะมัด

 

“อ้อ มันไปทำธุระหน่ะ”

 

“ธุระไรอ่ะ ทำไมพี่เขาไม่บอกผม” โอย ไอเด็กนี่มันซักไซ้จนยงกุกเริ่มหาข้ออ้างให้เพื่อนรักไม่ได้แล้ว เลยยักไหล่ให้เป็นเชิงว่าไม่รู้ก่อนจะรีบเดินหนีไป

 

โทษนะกีกวัง รอมันอีกแปปละกัน

 

 

 

 

“เอาละ ทำให้เต็มที่นะทุกคนแม้ว่าวันนี้กัปตันมันจะไม่มาแต่ขอให้ทำเต็มที่นะ” เสียงของรองกัปตันที่พูดให้กำลังใจน้องๆเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะให้ทุกคนเข้าไปในสนาม

 

ฟุตบอลสัมพันธ์ระหว่างโรงเรียน ประจำทุกๆปี จะต้องส่งน้องใหม่ของชมรมเข้าแข่งเหมือนเป็นการวอร์มร่างกายไว้ก่อนจะเจอกันในกีฬารวมในตอนสิ้นปี และเพื่อให้พี่ๆในชมรมแต่ละโรงเรียนได้เห็นศักยภาพของรุ่นน้อง

 

จบการแข่งขันไปตามคาดว่าทีมของกีกวังชนะ เนื่องจากทีมเวิร์กที่ค่อนข้างดีบวกกับความคุ้นสนามแล้วเลยได้เปรียบเต็มๆ

 

“4-0 ไม่ธรรมดานะเนี่ย ปะไปหาไรกินกัน” หลังจากเหนื่อยมาก็ต้องหาอะไรมาเลี้ยงซักหน่อย กีกวังขอตัวกลับก่อนเพราะไม่มีอารมณ์จะกินอะไรทั้งนั้น

 

เป็นกัปตันแท้ๆทำไมไม่มาดูทีมแข่งบ้างเนี่ย

 

ติ๊ง

 

เสียงข้อความเข้า จากคนที่ไม่ได้เห็นหน้ามาเกือบจะเป็นอาทิตย์แล้ว ทำให้กีกวังรีบไปตามสถานที่ในข้อความทันที

 

“อ้าวกีกวังลูกไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” กีกวังโค้งให้กับคุณนายยุน ก่อนจะขอตัวขึ้นไปบนห้องที่เขามาบ่อยๆ

 

แกร่ก

 

“พี่!!” ความมืดที่ปกคลุมในห้องจนเหมือนไม่มีใครอยู่ แถมยังเงียบอีกต่างหาก มือจัดการเอื้อมไปเปิดไฟในห้องสว่างทันที

 

ห้องสี่เหลี่ยมที่ทาด้วยสีเทาควันบุหรี่ตามผนังที่มีโปสเตอร์นักฟุตบอลที่เจ้าของห้องชอบแปะไว้เต็มไปหมด ตอนนี้กำลังเต็มไปด้วยลูกโป่งสีใสลอยอยู่เต็มไปหมด ปลายสายของลูกโป่งมีรูปภาพเต็มไว้

 

มันเป็นรูปของกีกวัง

 

ไม่ว่าจะเป็นตอนยิ้ม ตอนหลับ ตอนหน้าบึ้ง ตอนโกรธ ทุกรูปที่เขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโดยถ่ายมาเยอะขนาดนี้ กำลังถูกมองแล้วมองอีก แต่ยังไม่เข้าใจอยู่ดี

 

“อะแฮ่ม” เสียงจากประตูทำให้กีกวังหันควับไปมอง คนที่ไม่ได้เจอหน้ากันมาเกือบอาทิตย์กำลังสะพายกีต้าร์ก่อนจะเริ่มดีด พร้อมกับร้องเพลงไปด้วย

 

Music playing – Should I Hug You Or Not ?

 

“เป็นแฟนกันมั้ย”

 

“….”

 

“กีกวัง??” เริ่มจนจบแล้ว อีกคนก็เอาแต่ก้มหน้าไม่มองหน้า ไม่สบตาเขาอีก หรือว่าโกรธอะไรจนไม่อยากมองหน้าแล้ว เลยต้องรีบวางกีต้าร์แล้วเดินเข้าไปหาอีกคนที่อยู่กลางห้อง จับไหล่อีกคนเบาๆ

 

“กีกวังอา ร้องไห้หรอ” แหม่ ไหล่สั่นขนาดนี้ไม่ร้องไห้ก็หัวเราะแล้วแหละ จะให้หัวเราะเวลานี่ก็ดูแปลกไป

 

หมับ

 

แขนเล็กส่งมารวบเอวคนสูงกว่าโดยไม่ทันตั้งตัวก่อนที่จะร้องโฮกออกมาซะงั้น ดูจุนที่เริ่มจะลนลานว่าอีกคนร้องไห้ทำไม ยังไม่พอต้องกลัวว่าแม่เขาจะได้ยินมั้ย ขืนแม่เขารู้ว่าเขาทำกีกวังร้องไห้ได้ตายแน่

 

“นึกว่าพี่จะเป็นไรไปแล้วอ่ะ” เสียงอู้อี้ที่ตอบกลับมา ทำเอาดุจุนลูบหัวอีกคนปลอบกันนานกว่าจะหยุดร้อง ก่อนจะดันอีกคนออกเล็กน้อย เพื่อจะได้มองหน้าได้

 

“ไม่ร้องแล้วดิ” ตาคมจ้องเข้าไปในตากลมที่ฉ่ำไปด้วยน้ำตา

 

“เออ ไม่ร้องแล้ว”

 

“งั้นตอบมา”

 

“ตอบอะไร” หน้าแดงหูแดงขนาดนี้แน่ใจว่าไม่รู้คำถาม

 

“เป็นแฟนกันมั้ย”

 

“ถามดีๆก็เป็นแล้วเนี่ย”

 

End

 

 

แถม

 

“สรุปคือที่หายไปนี่ไปช่วยครูจัดงานกับไปฝึกเล่นกีต้าร์” พอเซอร์ไพร์เสร็จก็มานอนเล่นบนเตียงมองลูกโป่งที่ลอยไปมา

 

“ใช่”

 

“ทำไมไม่บอกก่อนอ่ะ”

 

“ไม่งั้นจะเซอร์ไพร์หรอ” อดหมั่นไส้คนอายุมากกว่าไม่ได้ เลยแอบหยิกสีข้างอีกคนเบาๆ ให้ตายเถอะ คนรอมันใจหายใจคว่ำ เลยได้แต่บอกว่าไม่เอาแล้วนะเซอร์ไพร์แบบนี้

 

“แต่พี่ไปดูกวังแข่งนะ”

 

“เฮ้ยจริงดิ นั่งไหนอ่ะ”

 

“ไม่บอก”

 

“เออ”