(FIC) KillChalla – Hamburger

Title: Hamburger

Pairing: Erik Killmonger x T’Challa

Rate: PG

Author: red.bunny

NOTE : ก่อนอื่นถ้ายังไม่ดูหนังอย่าเพิ่งอ่านเลยนะคะ มาจากทวิตนี้เลยค่ะ ฮอลลลลลล ชอบบบบบบบบบบบบบบบบ https://twitter.com/bopuso_drawing/status/965973880325128193

 


 

ว่ากันตามธรรมดาแล้วพวกเขาก็เป็นแค่ลูกพี่ลูกน้องกัน

 

เรื่องชิงบัลลังก์มันจบไปแล้วเขาเองก็พอจะเข้าใจเจตนาของพี่ชายคนใหม่ แถมเขาก็คร้านจะต้องปั้นหน้านิ่งในที่ประชุมหรือข้างนอกให้ดูภูมิฐาน น้องสาวหมาดๆเขาก็ชอบพูดตลอดว่าขืนให้เป็นราชาวาคานด้าคงได้ทำสงครามรอบทิศเพราะราชาไปกวนประสาทชาวบ้านเขาแน่ๆ

พออคติมันหายทุกอย่างมันก็ดีกว่าที่คิด ยังไงซะคนที่ฆ่าพ่อเขากับคนตรงหน้าก็ไม่ใช่คนเดียวกัน แค้นไปก็หายเปล่า สู้มาอยู่สบายๆแบบนี้ก็ดีไม่น้อย

 

มีอีกอย่างที่สนุกสำหรับเขาก็คงจะเป็นอะไรแบบนี้อีก

 

การนั่งดูทีชัลล่า

 

นอกจากจะทรงจังงังบ่อยๆแล้วยังทรงเงอะงะเป็นบางทีให้เขาได้เห็น ต่อหน้าคนอื่นก็คงไม่เป็นแบบนี้

 

‘อยู่กับคนอื่นก็เป็นแบบนี้หรือไง’ อีริคพูดกับทีชัลล่าที่ทรงเงอะงะอย่างที่เจ้าตัวชอบเป็น

 

เวลาอยู่กับเขา

 

‘มันแย่มากมั้ย’

 

‘ก็ไม่ ยังไงข้าก็เห็นอยู่คนเดียว’

 

‘ไม่รู้สิอยู่กับเจ้าแล้วสบายใจดี’ เผลอหลบสายตาที่มองมาด้วยความหมายอย่างนั้นจริงๆ เออให้ตายสิ แววตาใสชื่อมันมันคืออะไรกันวะ

 

แม้ว่าเขาจะคิดเหมือนกันอีกคนแต่ไม่เคยได้บอกไป เสือดำคงรู้ว่าจากัวร์อย่างเขาคิดอะไรอยู่

 

พอเขาชวนออกมาแถวบ้านเกิดเขาอย่างโอ๊กแลนด์ ราชาแบลคแพนเตอร์ก็นึกครึ้มอะไรซักอย่าง อยากกินอาหารฟาส์ตฟู๊ดมันซะอย่างงั้น เขาก็ไม่ได้ขัดอะไร ก็แน่ละ ลองขัดใจแล้วไปฟ้องชูริหรือโอโคเยเข้าคนที่ซวยก็คืออีริคคนนี้ไง ทรงเอาแต่ใจเป็นเด็กก็กับเขานี่แหละ

 

“แล้วกินเป็นรึไง” เซตบิ๊กแมคถูกเสิร์ฟไว้บนจาน กลิ่นหอมกรุ่นและไอร้อนบอกได้ดีว่าทันเพิ่งทำเสร็จ ทีชัลล่าคงไม่รู้ว่าตัวเองเผลอมองมันด้วนความตื่นเต้นขนาดไหน

 

อืม จะไม่พูดว่าน่ามองก็แล้วกัน

 

“ก็ให้เจ้าสอนไง ข้าไม่อยากเงอะงะต่อหน้าคนอื่น” อีริคหัวเราะหึในลำคอก่อนจะแกะห่อมันออกแล้วกัดเจ้าแฮมเบอร์เกอร์ชิ้นโตเข้าปาก ซึ่งทีชัลล่าเองก็ทำเช่นนั้นเหมือนกัน

 

กะอิแค่แฮมเบอร์เกอร์ทำไมอีกคนถึงทำให้เลอะเทอะได้

 

ไอซอสที่มันเลอะตามมือนี่คืออะไรกัน

 

อีริคยื่นมือไปหาราชาแห่งวาคานด้าที่ดูทะลักทุเลเหลือเกินกับการกิน ทีชัลล่าชะงักเล็กน้อยเมื่อจู่ๆก็ถูกดึงมือไป ริมฝีปากของอีกคนกดลงบนนิ้วเขา ลิ้นค่อยๆลากผ่านนิ้วเขาไปทีละนิ้ว น่าแปลกที่เขาเองก็ไม่ชักมือกลับมาซักที ราวกับกระแสไฟฟ้าไหลผ่านจนทำให้เขา

 

จังงังอีกแล้ว

 

“เฮ้พี่ชายอย่ากินเลอะนักสิ” รู้ตัวอีกทีมือเขาก็สะอาดจากการเช็ดด้วยกระดาษชำระ แม้มันจะสะอาดแล้วแต่สัมผัสเมื่อซักครู่มันยังทำให้อดร้อนหน้าไม่ได้

 

(FIC) KillChalla – ถ้าหาก

Title: ถ้าหาก

Pairing: Erik Killmonger x T’Challa

Rate: r

Author: red.bunny

NOTE : สปอยสปอยสปอยสปอยสปอยสปอยสปอย // เวลาดมกาวมันไม่ได้มาคู่เดียวซะด้วยสิคะ ฮรุกๆฟิคสั้นมากไม่มีอะไรเลย5555555


 

 

 

ถ้าวันนั้นเขาเลือกที่จะไม่ฆ่า

 

ร่างสูงที่ทัดเทียมกับอีกคนแต่เรื่องพละกำลังเขามีมากกว่าอย่างแน่นอน ราชาวาคานด้า ไม่สิ อดีตราชากำลังนอนหอบหายใจอยู่แนบกับผิวน้ำ สายตาที่ทั้งเสียใจและเคียดแค้นถูกส่งมาให้เขาอย่างปิดไม่มิด

 

แค่โยนอีกคนลงน้ำตกซะ นั่นคือเป้าหมายของเขามาตลอดชีวิต

 

ตาคมเผลอสำรวจรูปร่างของคนตรงหน้าอย่างไม่คิดจะปิดเช่นกัน

 

ไม่

 

ยังไม่อยากให้อีกคนตาย

 

ลองทำให้เจ้าชายผู้สูงศักดิ์รู้สึกด้อยกว่าเขาคงจะดีไม่น้อย

 

เหงื่อกาฬผุดขึ้นมาตามอุณหภูมิของร่างกายที่ถูกปลุกเร้ามากขึ้นเรื่อยๆ เสียงครางที่ถํกกลั้นไว้ฟังดูอึดอัดแต่เขากลับชอบ หน้าตาของทีชัลล่าที่พยายามจะไม่ส่งเสียงครางออกมาเมื่อเขาสอดนิ้วเข้าไปในตัวอีกคน

 

ดูสิจะทนได้ซักแค่ไหน

 

“อึก อึก” นิ้วยาวยังคงทำหน้าที่ที่เขาต้องการ จนกระทั่งเขากดไปโดนจุดหนึ่งทำให้เจ้าชายที่กำลังนอนคว่ำไปกับเตียงกว้างพร้อมกับแขนและขาที่ตรึงไว้ด้วยโซ่โลหะที่แข็งแรงที่สุด เผลอครางออกมาด้วยความเสียวกระสันจนเขาอดไม่ได้ที่จะกดย้ำอีกที ขาเนียนสั่นด้วยความเสียวที่ไม่ได้เคยเจอมาก่อนจนเขาอดยิ้มไม่ได้

 

ตรงนี้สินะ

 

เขาชักนิ้วออกพรวดเดียวจนคนถูกกระทำตกใจก่อนจะถูกแทนที่ด้วยสิ่งที่ใหญ่กว่า แก่นกายถูกสอดใส่เข้าไปพรวดเดียวจนคนข้างใต้สะดุ้ง ช่องทางที่ไม่เคยถูกรุกล้ำตอดรัดเขาจนแทบเสร็จ

 

อดทนเก่งนี่

 

เขามั่นใจว่าเขากระแทกโดนจุนนั้นซ้ำๆแต่กลับไม่มีเาียงครางหวานๆให้เขาได้ยินเลยมีเพียงเสียงอึกอักที่เจ้าตัวพยายามกลั้นเสียงไว้กับหมอนใบนั้นจนเขาต้องกระชากให้อีกคนนอนหงายทั้งๆที่ยังไม่ถอนตัวออกจากอีกคน

 

“ครางชื่อฉันซะก่อนที่จะโดนทำจนตาย”

 

“….” ดื้อชะมัด

 

“หรือว่าอยากตายแบบนี้จริง?”

 

“อะ อีริค” ก็แค่นั้น

 

ทีชัลล่านอนหอบหายใจอยู่บนเตียงเพียงลำพังหลังจากที่เสร็จกิจที่เขาต้องเจอ แม้ในใจจะรู้สึกว่าความตายคงไม่ทรมานขนาดนี้แต่เขากลับคิดบางอย่างได้

 

คิดว่าอีริคเป็นแค่เพียงเด็กหลงทาง

 

ที่ซักวันเขาจะต้องพากลับมาทางเดิมให้ได้

 

แม้จะนานเท่าใดก็ตาม

 

เกือบสองเดือนแล้วที่เขากลับมาครองบังลังค์เช่นเดิม วาคานด้าตัดสินใจเปิดประเทศเป็นครั้งแรกและพร้อมที่จะแลกเปลี่ยนรวมไปถึงให้ความช่วยเหลือกับนานาประเทศแต่ทั้งหมดจะอยู่ภายใต้การควบคุมของฝ่ายวาคานด้าเองเพื่อไม่ให้เทคโนโลยีตกอยู่ในมือของคนที่ไม่ใช่ รวมไปถึงไวเบรเนี่ยมเอง

 

ทีชัลล่าตัดสินใจรักษาอีริคอีกครั้งพร้อมกับการมอบตำแหน่งใหม่ให้

 

องครักษ์รักษาพระองค์และ่หัวหน้าหน่วยปราบปรามภัยคุกคามของวาคานด้า

 

แม้ในตอนแรกจะเจอกับอาการที่ชูรีเรียกมันว่าหัวร้อนจากการรักษาทั้งๆที่บอกให้เอาไปทิ้งทะเลจนทีชัลล่าเองก็เกือบโยนอีกคนทิ้งจริงๆ แต่เขารู้ว่าอีกคนยังมีประโยชน์กับเขา

 

ก็แค่นั้น

 

“โอโคเยคงหงุดหงิดไม่น้อย” เพราะตำแหน่งที่เขาตั้งให้ดูจะซ้ำกับสาวแกร่งผู้ที่อยู่กับเขามานานแต่ทีชัลล่าก็อธิบายถึงการนำจากัวร์ตัวนี้มาอยู่ใกล้ตัว

 

“ความเชี่ยวชาญที่มีบวกกับการชินกับเหตุการณ์นอกประเทศมากกว่าคงทำให้เราได้เปรียบ” เก็บมิตรไว้ใกล้ตัวแต่เก็บศัตรูไว้ใกล้กว่า

 

/ฝ่าบาท/ เสียงดูที่ดูหน่ายใจของเจ้าหน้าที่รอสส์บุคคลแรกๆที่ได้เข้ามาเห็นเทคโนโลยีของวาคานด้าและยังเป็นเหมือนกับทูตให้กับเขาดังขึ้นมาให้ได้ยิน คงไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่นักตั้งแต่ที่เขาให้อีริครับทำภารกิจช่วยเหลือกับอะเวนเจอร์ก็มีสายจากเจ้าหน้าที่คนนี้บ่อยครั้ง

 

/ผมบอกว่าให้จับมาตัวเป็นๆ/

 

“นั่นก็เป็นไม่ใช่หรือไง”

 

/แล้วแขนทั้งสองข้างหายไปไหนละ!/ เขาเหลือบมองคนที่มานั่งอยู่ในห้องทำงานด้วยอารมณ์สบายใจ ขาทั้งสองข้างไขว้กับอยู่บนโต๊ะรับแขกพร้อมกับผิวปากด้วยความอารมณ์ดี

 

/แค่ช่วงนี้ต้องรับมือกับพวกมีเวทมนต์ผมก็แย่แล้วนะฝ่าบาท/ ช่วงนี้เจ้าหน้าที่คนโปรดของเขาคงจะไม่ได้ว่างเว้นเลยจริง เพราะดูเหมือนจะมีผู้ใช้เวทวนเวียนให้ได้ปวดหัวเล่นบ่อยๆ

 

“คุณสเตรจน์เขาก็ดูเป็นคนดีนะ”

 

/อย่าพูดชื่อนี้ให้ผมได้ยินอีกเถอะฝ่าบาท/ บทสนทนากลายเป็นเป็นเรื่องส่วนตัวสารทุกสุขดิบไปซักพักก่อนเจ้าหน้าที่จะเป็นฝ่ายขอวางสายก่อน ส่วนเขาก็มีเรื่องต้องเคลียร์เช่นกัน

 

“เอ็นจาดาก้า” ชื่อที่ทีชัลล่ามักเรียกเขาตั้งแต่เขายอมรับตำแหน่งนี้ อีริคไม่เคยออกมาจากปากนำอีกแม้กระทั่งตอนที่… ช่างมันเถอะ แต่เขาเองก็ชอบที่อีกคนเรียก

 

แต่กับคนอื่นเขาจะให้เรียกอีริคมากกว่า

 

ราชาเดินมาหาเขาที่โซฟาก่อนจะยืนตรงหน้าเขาเอง ยอมรับว่าเวลาเห็นอีกคนแล้วเขาทำให้มือไม้อยู่นิ่งไม่ค่อยได้ เขาลุกขึ้นเต็มความสูงก่อนจะเข้าไปประชิดตัวอีกคน

 

“ว่าไงพี่ชาย” มือเขาลูบไล้ตามสะโพก กล้ามท้องของอีกคนอย่างเคยชิน จมูกไม่ว่างเปล่าสูดดมกลิ่นของอีกคนจากซอกคอ

 

“อย่าทำตัวเป็นปัญหานักสิ ข้าอุตส่าห์ไว้ใจเจ้า” เขาไม่ตอบและรู้ว่าทีชัลล่าคงไม่ต้องการคำตอบเพียงแต่เป็นการเตือนเขาเท่านั้น ถ้าคนที่กำลังอยู่ในโอบกอดเขารู้ว่าไอคนที่เขาเพิ่งไปจัดการมันพูดถึงเจ้าตัวยังไง ดีแค่ไหนที่เขาแค่ตัดแขนไม่ใช่หั่นเป็นท่อนส่งไปให้คุณเจ้าหน้าที่

 

ความสัมพันธ์ที่เขาเป็นคนเริ่ม แต่เขาพร้อมจะหยุดถ้าหากอีกคนไม่คิดอยากจะสานต่อ ยอมรับว่าตอนนั้นหลงใหลในรูปร่างท่าทางของอีกคนมากขนาดไหน แต่ถ้าเจ้าตัวบอกเขาว่าไม่ต้องการหรือเพียงทำให้เขาตายไปซะมันก็จบเพียงเท่านั้น

 

แต่กลับการที่เขากลับมาอยู่ตรงนี้พร้อมกับตำแหน่งรักษาพระองค์คงเป็นคำตอบกลายๆว่าอีกคนยังต้องการเขา

 

ทีชัลล่าเป็นเหมือนน้ำเย็นๆที่ค่อยลูบให้เขาใจเย็นลงเสมอ เขาเองก็เป็นเหมือนไฟที่ช่วยปลุกปั่นให้อีกคนมันชีวิตชีวาเกินกว่าจะนิ่งเฉย

 

เสือสองตัวอยู่ถ้ำด้วยกันไม่ได้แต่พวกเขาไม่ได้อยู่ในถ้ำ

 

ก็วังมันออกจะกว้างนี่นะ

 

“เลิกยุ่มย่ามข้าตอนทำงานได้มั้ย” เสือดำพยายามแกะมือของจากัวร์ที่ยังไม่เลิกลูบไล้แถมเหมือนว่าจะลงต่ำลงเรื่อยๆจนเขาเริ่มหวั่นใจ

 

“เจ้าก็อย่าทำตัวให้ยั่วนักสิ”

(FIC) JUNKWANG – Inspiration

Title: inspiration

Pairing: JunKwang (Junhyung & Gikwang)

Rate: r (?)

Author: red.bunny

NOTE: ร้อนหลังวันวาเลนไทน์นะคะ

 


 

 

 

การเป็นนักเขียนบางคนก็บอกว่าต้องเดินทางหาประสบการณ์แต่เขาไม่ใช่พวกที่ชอบออกบ้านมากนักอีกอย่างคือต่อให้ออกไปเขาก็คงคิดออกไม่ได้อยู่ดี ถ้าไม่มีอารมณ์

 

ยงจุนฮยองนักเขียนนามปากกา joker กำลังคิดพลอตนิยายใหม่ๆ ไอเรื่องพลอตมันไม่ยากหรอกเขามีพวกนี้ในหัวเยอะแยะเต็มไปหมด

 

ติดอยู่เรื่องเดียว

 

ไอฉากนั้นนี้แหละ

 

ก็แน่ละ คนเขียนนิยายอีโรติอย่างเขาจุดขายส่วนหนึ่งมันก็เพราะฉากแบบนั้นไม่ใช่หรือไงละแต่ใครจะคิดละว่ากว่าจะเขียนได้แต่ละที่เขาต้องคิดหัวแทบแตก

 

ให้รู้สึกไม่ลามก ดูโรแมนซ์แต่มีความเสียวซ่านเล็กๆ

 

มือหยิบโทรศัพท์กดโทรออกหาเบอร์ที่มักจะโทรเป็นประจำ

 

“ฮัลโหลอยู่ไหน”

 

/ไม่ว่าง/ ปลายสายตอบมาทันทีตอนที่เขายังไม่ได้ทันจะพูดอะไร เขาเงียบไปซักพักเมื่อได้ยินเสียงจากปลายสายลอดมา

 

“ถ่ายแบบอยู่หรอ”

 

/ก็ถึงบอกไม่ว่างไง/ หยุดกันแค่นี้จะเรียกว่ายงจุนฮยองหรือไงละ

 

“เลิกงานแล้วมาหาหน่อย”

 

/ยงจุนฮยอง/ เสียงหวานเปล่งมาด้วยน้ำเสียงอ่อนเพลียเจ้าตัวคงอยากพักไม่น้อยแต่งานเขาก็รอไม่ได้เหมือนกัน

 

มันต้องการคนเติมเต็ม

 

“นะครับ ก็รู้นี่ว่าจุนฮยองต้องการแค่กีกวังเท่านั้น” ปลายสายถอนหายใจให้คงไม่พ้นอีหรอบเดิมที่แพ้ให้กับลูกเล่นแบบนี้ สุดท้ายก็ตกลงรับปากจะไปหาหลังเลิกงานแต่ไม่รับปากว่าจะเลิกกี่โมง เขาก็รับปากไว้เพราะเขาเองที่โทรไปหาอีกกคนช้าไป

 

มืดสนิท

 

อีกีกวังถอนหายใจให้กับตัวเองที่ไม่น่าคิดว่าอีกคนจะรอเลยแท้ๆ นาฬิกาบนข้อมือบอกเวลาว่าตอนนี้ตีสองแล้วไม่แปลกที่อีกคนจะเข้านอนแต่จะให้กลับก็ยังไงอยู่สุดท้ายก็ตัดสินใจนอนที่นี่แล้วกัน ขาเล็กเดินไปตามทางที่คุ้นเคยแม้จะปิดไฟแล้วก็ตาม มือเล็กเปิดประตูห้องนอนแผ่วเบา

 

หมับ

 

“ไม่ได้หลับอยู่หรอ อื้ออ” ริมฝีปากของเจ้าของห้องจู่โจมปากอิ่มทันทีก่อนจะค่อยๆลูบไล้ตามสัดส่วนกล้ามเนื้อหน้าท้องของอีกคน

 

“ไม่เอา เหนื่ิอยแล้ว”

 

“ก็ไหนบอกว่ารับปากละไง”

 

“พรุ่งนี้จะให้เวลาทั้งวันเลย” จุนฮยองคิดซักพักก่อนจะยอมปล่อยอีกคนในอ้อมแขนออกให้ได้ไปอาบน้ำซักที

 

เอาหน่าพรุ่งนี้มีเวลาทั้งวัน

 

เสื้อเชิ้ตสีขาวโอเวอร์ไซต์หนึ่งตัวถูกวางไว้ในห้องน้ำตอนที่เขากำลังเข้าไป

 

“คอนเสปต์อะไรเนี่ย” กีกวังตะโกนถามคนกำลังตั้งหน้าตั้งตาทำอาหารอยู่ จุนฮยองบอกแค่ว่าใส่ๆไปเถอะไม่ได้ช่วยให้เขาได้คำตอบเยอะขึ้นเลย ก็แน่ละทุกครั้งกีกวังก็ไม่เคยได้คำตอบอยู่แล้ว

 

“หอม” จุนฮยองชอบเวลากีกวังใช้สบู่หรือแชมพูของเขา มันยิ่งทำให้อีกคนน่าฟัดมากขึ้น กีกวังดันเขาออกก่อนเจ้าตัวจะพาตัวเองไปกินข้าวเช้า

 

ชอบ

 

ชอบมอง

 

ชอบดม

 

ชอบที่จะทำอะไรๆกับร่างกายของคนตรงหน้า

 

ในตอนแรกที่เขาทำใจกล้าหน้าด้านไปเขาให้อีกคนมาเป็นแบบในฉากให้เขาหน่อย บอกตรงๆว่าเขาหลงชอบเรือนร่างของคนตรงหน้าตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น

 

ใช้เส้นสายของเพื่อนที่เป็นตากล้องให้บ่อยๆมาทำความรู้จัก

 

เชื่อเถอะว่าฉากแบบนั้นในนิยายเขาภาพก็มาจากคนตรงหน้าทั้งนั้น

 

ยิ่งรู้จักยิ่งอยากได้

 

ยิ่งเคยได้แล้วก็อยากได้จนไม่อยากให้ใคร

 

“มองอะไรเยอะแยะ” คนตัวเล็กเริ่มเหวี่ยงเล็กๆเมื่อเขาเอาแต่จ้องหน้าไม่พูดไม่จา เชื่อเถอะว่ากีกวังรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่

 

“เมื่อไหร่จะกินเสร็จละ”

 

“รีบหรอ”

 

“ก็นิดหน่อย”

 

“ละจะเริ่มยังไงละ” เขายื่นบทเริ่มให้อีกคนอ่าน กีกวังไล่สายตาไปตามตัวหนังสือ

 

“..ชอบครับ”

 

“ชอบอะไรละครับ”

 

“ชอบพี่ไงละครับกีกวังชอบพี่- อื้ม” มือหนาช้อนคางอีกคนขึ้นก่อนประกบจูบลงบนปากอิ่มที่มักจะเจื้อยแจ้วตลอดเวลาอยู่กับเขา หรือบางทีก็จะเม้มกลับปากจนมันขึ้นสี จนอยากจะทำให้มันแดงช้ำด้วยตัวเขาเอง

 

ปากบางละจากปากอิ่มที่เขาไม่ได้รุกล้ำอะไร

 

“พี่ขอนะ”

 

ทันทีที่หัวเล็กพยักหน้าอนุญาตปากบางก็กดจูบลงอีกครั้งต้องยอมรับว่าแม้คนตัวเล็กจะจูบไม่เก่งหรืออาจจะไม่มีประสบการณ์แต่ลิ้นเล็กที่พยายามไล่ตามเขามันทำให้รู้สึกว่าไม่นานคนตัวเล็กต้องจูบเก่งแน่ๆ มือหนาค่อยๆปลดเชือกของชุดคลุมอาบน้ำก่อนจะลูบไล้ตามแผ่นอกของอีกคน

 

“อ่ะ” คนตัวเล็กละจากริมฝีปากมาหายใจก่อนจะโดนมืออีกข้างของคนตัวสูงรั้งให้รับจูบอีกครั้ง น้ำใสๆค่อยๆไหลมาตามสันกรามโดยไม่มีใครคิดจะสนใจ

 

“นั่งตักพี่สิ” ร่างบางทำตามอย่างว่าง่ายราวกับโดนเวทย์สะกดไว้ เขาขยับให้ชุดคลุมเลิกปกปิดผิวขาวตรงหน้า มือข้างหนึ่งยังคงวนเวียนอยู่ที่หน้าท้องของอีกคนลูบลงไปต่ำลงเรื่อยๆ อีกข้างก็โอบเอวอีกคนไว้ แขนของคนตัวเล็กคล้องกับคอเขา ต่างคนต่างเมาอยู่ในรสของจูบอยูาไม่ห่าง

 

“ฮื่อ พี่ครับไม่เอา” ขาเล็กหนีบเข้าหากันโดยอัตโนมัติเมื่ออีกคนสัมผัสที่แก่นกายเล็ก เขาขบเม้มใบหูของคนบนตักเบาๆ มือหนาลูบไล้ต้นขาเหมือนปลอมละโลมอีกคน ก่อนจะกุมแก่นกายอีกไว้แล้วขยับตามจังหวะ

 

“พะ พี่ครับ”

 

“เรียกแดดดี้สิครับ” ตาใสที่หวานเยิ้มขึ้นด้วยแรงอารมณ์เงยมาสบกับเขาจนอดไม่ได้ที่จะเค้นลงให้อีกคนทรมานเล่น

 

“อื้อ แดดดี้” มือหนาเร่งจังหวะให้เร็วขึ้นเสียงครางหวานของอีกคนยิ่งทำให้เขาต้องเร็วกกว่าเดิม

 

“แดดดี้หนูจะ ฮึก” น้ำสีขาวขุ่นออกมาตามแรงอารมณ์ ยิ่งเห็นมันเปรอะตามมือของอีกคน คนตัวเล็กยิ่งหน้าแดงจนแทบเป็นมะเขือสุก

 

“ช่วยแดดดี้บ้างสิครับ” มือหน้าจับมือเล็กให้กุมที่แก่นกายของตัวเองก่อนจะเป็นคนนำจังหวะแล้วให้คนตัวเล็กบนตักควบคุมมันเอง ปากอิ่มที่แดงช้ำจากการจูบถูกประกบอีกครั้งราวกับคนชิมไม่เคยเบื่อมัน

 

“เร่งหน่อยสิ” กีกวังเฟ้นมือลงให้หนักขึ้นมือหนาที่กำลังจับเอวเขาไว้ก็ลูบไล้ให้เขามีอามรณ์ร่วมไปด้วย จนแทบจะถึงจุนฮยองกลับดึงมือของอีกคนออก

 

“เดี๋ยวจะเสร็จก่อน”

 

“ถุงอยู่ไหน”

 

อีกคนนอนไปแล้วแต่จุนฮยองยังไม่เลิกพิมพ์ ความสัมพันธ์ของพวกเขาจะให้เรียกว่าเซ็กเฟรนด์ก็คงไม่ใช่ มันมากกว่านั้นแต่ก็ยังไม่ถึงกับคำว่าคนรัก แต่บางครั้งเขาเองก็เคยลองชวนคนอื่นมาทำอะไรแบบนั้น

 

ไม่สุด

 

ไม่เคยซักครั้งที่จะไม่นึกถึงหน้าของคนตัวเล็กที่นอนสลบอยู่บนเตียงเขา จุนฮยองปัดผมที่ปรกหน้าของกีกวังให้ออกไปทางด้านข้างก่อนจะลูบไล้ตามแก้มเนียนนั่นเบาๆ

 

อีกีกวัง ถ้าเรียกภาษาชาวบ้านก็เป็นเน็ตไอดอลที่มีคนติดตามเยอะ ด้วยความที่เจ้าตัวให้ได้ทั้งลุคเข้าถึงง่าย เซ็กซี่ น่ารัก งานถ่ายโฆษณาถึงได้เทียบตลอด แม้จะมีคนชวนเข้าไปเล่นละครอยู่บ่อยๆแต่เจ้าตัวก็ไม่ได้ตอบรับมากนัก

 

‘รอเรื่องของจุนฮยองได้ทำเป็นหนังจะไปเล่นให้แล้วกัน’

 

เขาคงไม่ยอมให้มีพระเอกแน่ๆ

(FIC) DUKWANG – Anatomy

Title: Anatomy

Pairing: DuKwang (Dujun & Gikwang)

Rate: PG-13

Author: red.bunny

NOTE: สอบอนาโตมีมันเครียดนะคะคุณ 5555555555555555555555555555555555

 


 

 

frontal

 

sphenoid

 

nasal

 

zygomatic

 

ตาสีน้ำตาลเข้มจ้องมองใบหน้าของอีกคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเขาด้วยความตั้งใจ จนเรียกว่าเขม็งเลยอ่ะเอาจริง ไม่รู้จะจ้องอะไรหนักหนาจนสุดท้ายคนที่โดนจ้องก็เงยหน้ามามองด้วยความทนไม่ได้

 

“กีกวังมองอะไร” เสียงปนไปด้วยความขุ่นเพราะเขาค่อนข้างไม่ค่อยชอบให้ใครจ้องเท่าไหร่ แบบฝึกที่ขนมาทำที่หอของอีกคนยังไม่ไปถึงไหนเพราะเจ้าของห้องมัวแต่จ้องเขานี่แหละ

 

“ป่าวนี่” เจ้าตัวทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้มาให้เขาก่อนจะเท้าคางยิ้มหวานให้เขาอีกรอบ

 

“บอกมา” พอโดนเสียงเข้มขู่กีกวังก็แอบเบะปากน้อยๆ ก็ไม่ได้ตั้งใจจะปิดแต่พรุ่งนี้เขามีสอบอนาโตมีก็มีแต่ท่องจำ จะท่องกับหน้ากระดาษก็น่าเบื่อเกินไปเลยหันไปท่องกับใบหน้าคมของคนเป็นแฟนแทนมันผิดตรงไหน

 

“นี่ไง” เจ้าตัวยื่นชีทที่กำลังท่องให้อีกคนดู แน่นอนว่าสายคำนวณอย่างเขาไม่มีทางจะอ่านมันออกได้ง่ายๆ มีแต่คำยาวเป็นสามสี่พยางค์เจ้าตัวเล็กมันท่องได้ยังไงกัน

 

“พี่ดูจุนอ่านไม่ออกหรอก”

 

“ดูถูกว่ะ”

 

“ก็เรื่องจริงอ่ะ” คนพูดก็ขยับตัวเองมาใกล้ๆกับคนอายุมากกว่าก่อนจะเปิดไปที่หมวดกล้ามเนื้อแล้วชี้ไปที่รอบดวงตา

 

“นี่อ่านว่า orbicularis oculi คือตรงนี้ไง” นิ้วเล็กเปลี่ยนจากหน้ากระดาษมาเป็นใบหน้าของอีกคน มือเจ้าตัวค่อยๆเลื่อนจากหางตาของเขารอบเป็นวงกลมก่อนจะใช้มือทั้งสองข้างจับหน้าเขาเอาไว้

 

“พี่ดูจุน”

 

“ครับ”

 

“หล่อจัง”

 

“มาไม้ไหนละ” เจ้าตัวหัวเราะเสียงใสก่อนจะผละมือออกแล้วหันกลับไปท่องเหมือนเดิม

 

อีกีกวังนักศึกษาแพทย์ปีที่หนึ่งที่ยุนดูจุนนักศึกษาปีสามวิศวะไม่มีทางที่จะไปรู้จักกันได้ ถ้าไม่ใช่เพราะเพื่อนของเขาบังเอิญไปเป็นสายรหัสกับกีกวัง แล้วมาเลี้ยงสายด้วยกันแล้วบังเอิญอีกตรงที่พวกเขาอยู่หอใกล้ๆกันดูจุนเลยอาสาไปส่งให้ หลังจากนั้นก็มีถามไถ่ว่าให้ไปส่งบ้างมั้ย จนรู้ตัวอีกทีก็จีบน้องมันไปแล้ว

 

ยังดีที่น้องมันก็รู้สึกเหมือนกันเลยตกลงเป็นแฟนกันได้ง่ายเพราะสไตล์ที่ชอบอะไรง่ายๆสบายๆเหมือนกันบ้าบอลเหมือนกันทำให้พวกเขาไปกันได้ค่อนข้างดี

 

และตอนนี้พวกเขากำลังจะสอบไฟนอลกันแล้ว

 

วันนี้เพื่อนกีกวังไม่ว่างมาติวด้วยกันเลย ดูจุนเองก็กลัวแฟนตัวเองจะเหงาเลยขนหนังสือมาอ่านด้วยที่ห้องกีกวังเอง

 

ดูจุนละจากแบบฝีกหัดของตัวเองแล้วหันมาจ้องคนตัวเล็กบ้าง ดูเหมือนจะเข้าสู่ภวังค์ของตัวเองเป็นที่เรียบร้อย

 

“ไหนขอดูหน่อย” ดูจุนหยิบชีทขึ้นมามั่วๆ ก่อนจะพบว่ามันเป็นหมวดเส้นเลือดที่มีมากมายจนเขาต้องปวดหัวกว่าการแก้โจทย์แคลเป็นไหนๆ

 

“มานั่งนี่ดิ เดี๋ยวช่วย” กีกวังเลิกคิ้วให้กับประโยคที่ดูงงๆของดูจุน มือของเจ้าตัวตบปุๆที่ตักตัวเองราวกับบอกให้เขาไปนั่งตัก แล้วมันเกี่ยวอะไรกับที่จะช่วยเขารึไงเนี่ย

 

“รู้มั้ยวิธีที่ช่วยให้จำมันมีหลายแบบ” หัวเล็กพยักหน้าให้ด้วยสีหน้างงงวย ก่อนที่มือของดูจุนจะเริ่มล้วงเข้าไปด้านในเสื้อยืดของเขา

 

“พี่ดูจุน”

 

“ครับ”

 

“ทำอะไร”

 

“ช่วยจำไง” มือร้อนค่อยๆลากผ่านหน้าท้องของเจ้าตัวขึ้นบนเนินอกก่อนจะตัดสินใจถอดเสื้ออีกคนทิ้ง แต่มือเล็กของอีกคนจับไว้ซะก่อน

 

“พรุ่งนี้พี่มีสอบแลปนี่”

 

“พี่ทำได้ ละอยากช่วยกีกวังมากกว่า” อาศัยจังหวะเผลอถอดเสื้ออีกคนโดยที่กีกวังไม่ได้ท้วงด้วยซ้ำเมื่อปากบางอีกคนประกบกับปากอิ่มของคนบนตักไว้พอดี มือหนายังคงเลื่อนวนไปมาตามแผ่นอกขาว

 

“ฮื่ม พะ พี่ดูจุน” นิ้วลากตั้งแต่ตำแหน่งหัวใจขึ้นไปผ่านไหปลาร้าและลำคอขาว ก่อนปากบางจะกระซิบข้างหูอีกคน

 

“เส้นเลือดแดงอะไรครับตอบพี่สิ” ขอบคุณที่คนบนตักใส่กางเกงบอลมืออีกข้างเลยไม่ว่างป่าว ล้วงเข้าไปบีบนวดเบาๆที่ต้นขา

 

“อืมม” เสียงครางในลำคอที่ดูจุนชอบหนักชอบหนากำลังจะทำให้เขาทนไม่ไหวแต่เพราะความอยากแกล้งมันมีมากกว่า

 

“ตอบพี่สิครับ”

 

“common carotidครับ ฮื้ม” ปากของดูจุนที่คลอเคลียอยู่ที่หูเปลี่ยนมาเป็นปากอิ่มทันทีที่อีกคนตอบเสร็จ

 

“ตอบถูกพี่ให้รางวัล แล้วนี่ละ” เสียงครางฮื่อลำคอมากกว่าเดิมเมื่อเขาลากตั้งแต่โคนขาด้านในลงไปตามต้นขาจนขาเล็กค่อยๆหนีบเข้าหากัน

 

“อะ เดี๋ยว” อยู่ๆก็เกิดเปลี่ยนโพสิชั่นแบบไม่ทันตั้งตัวเมื่อตอนนี้เป็นกีกวังที่กำลังนอนราบไปกับพื้นโดยที่มีดูจุนคร่อมอยู่

 

“แบบนี้ถนัดกว่า”

 

“ถนัดอะไรละ อื้ม” ไม่ทันจบประโยคดีริมฝีปากบางค่อยๆลากผ่านหน้าท้องเขาอีกครั้ง และดูเหมือนบทเรียนครั้งนี้จะใช้เวลาพอสมควรเลย

 

 

“ตื่นแล้วหรอ” คนที่นอนขดอยู่บนเตียงถัดจากเขาเริ่มขยับตัว ดูจุนถึงเปลี่ยนจากชีทเรียนมาเป็นคนบนเตียงแทน หัวกลมพยักหงักหงึกก่อนจะทำจมูกย่น

 

“เป็นอะไรแอร์เย็นหรอ” พยักหน้าให้สองสามทีดูจุนเลยตัดสินใจไปปรับอุณหภูมิให้ แล้วล้มตัวนอนกอดเจ้าก้อนผ้าห่ม

 

“ออกไปเลยอึดอัด” เสียงแหบพร่าเพราะเพิ่งตื่นทำให้ดูจุนอดไม่ได้ที่จะเอาจมูกตัวเองฝังไว้ที่แก้มอีกคน พอจะทำอีกข้างเจ้าคนโดนกอดก็ส่ายหน้าไปมา

 

“ไม่เอาแล้วจะไปอาบน้ำ”

 

“อ่ะ ไปครับเดี๋ยวไปกินข้าวกัน” ดูจุนได้แต่ยิ้มให้อีกคนที่ลากทั้งผ้าห่มไปจนอดแซวไม่ได้ว่ายังไงเขาก็เห็นมาหมดแล้ว ผ้าห่มที่ห่มเจ้าตัวอยู่ปลิวมาโดนหน้าเขาเต็มๆแต่คนโยนวิ่งเข้าห้องน้ำไปเรียบร้อย

 

 

“ไงทำได้ปะ” ข้อสอบกายวิภาคง่ายกว่าที่เขาคิดแต่ก็มีบ้างข้อที่เขาอดที่จะหน้าแดงไม่ได้เมื่อนึกถึงเมื่อสองวันก่อน

 

“อื้ม ก็ทำได้อ่ะ”

 

“โหย นี้ไม่ได้เลยครับ” หางตาเผลอไปเห็นกับรถที่คุ้นตาเลยล่ำลาจากเพื่อนมาหาคนที่นั่งรออยู่ในรถ

 

“ไงทำได้มั้ย” กีกวังพยักหน้าให้ มือของคนขับวางลงบนผมสีน้ำตาลก่อนจะยีเบาๆด้วยความหมั่นไส้

 

“ผมเสียทรงแล้ว”

 

“ต้องขอบคุณพี่มั้ยละ”

 

“ทำไมละ”

 

“พี่ช่วยให้กีกวังจำได้ไง” ดวงหน้าเล็กเผลอเห่อร้อนขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะต่อยไปที่ต้นแขนของอีกคนแน่นอนว่าดูจุนตอบโต้ไม่ได้เพราะต้องขับรถ เลยโดนอีกคนประทุษร้ายเต็มๆ

 

“คราวหน้ามีสอบหัวข้อไหนอีก พี่ช่วยติว”

 

“ไม่ต้องเลย!”

 

(fic) dukwang – my ex

Title: my ex

Pairing: DuKwang (Dujun & Gikwang)

Rate: PG

Author: red.bunny

NOTE: เราเป็นคนไม่มีสกิลในการแต่งชื่อเรื่องเลยค่ะ แต่งเนื้อหาได้ตกม้าตายเพราะชื่อเรื่องนี้แหละ55555

 


 

 

คนตัวเล็กกำลังยืนชั่งใจอยู่หน้าร้านเนื้อย่างที่ครั้งหนึ่งสมัยมัธยมเขาจำได้ว่ามันเป็นที่ที่เขาต้องมาทุกครั้งที่แข่งหรือซ้อมเสร็จ แต่วันนี้มันต่างกันออกไป

 

วันรวมรุ่นของทีมฟุตบอลโรงเรียน

 

เขาเริ่มคิดว่าจริงๆเขาไม่ควรจะอยู่ตรงนี้แล้วเดินเข้าไปด้านในเท่าไหร่นัก แต่ไม่ทันได้หันหลังกลับเพื่อที่จะได้ไม่ต้องไปพบเจอพวกเพื่อนๆพี่ๆ แขนยาวพาดลงไหล่เขาพร้อมกับเทน้ำหนักแทบทั้งตัวมาให้

 

“อ้าวไงมาด้วยหราาา”  น้ำเสียงที่กวนประสาททำเอาเขาอยากจะเตะรุ่นพี่ซักทีแต่ก็นะตอนนี้เขาทำได้แค่ปล่อยเลยตามเลยให้รุ่นพี่คนนี้ลากเขาเข้าไปในร้าน

 

“กว่าจะมานะมึง อ้าวกีกวัง” คนด้านในดูจะฮือฮาไม่น้อยที่เขามา อีกีกวังนายแบบเสื้อผ้าในเว็บไซต์ที่กำลังเป็นที่พูดถึงกำลังมางานเลี้ยงรุ่นทีมฟุตบอลโรงเรียน เขาโค้งสวัสดีพี่ๆก่อนจะหาที่นั่งให้กับตัวเอง

 

สายตาคมที่กำลังจ้องเขาอยู่ทำเอาเผลอชะงักตัวเองไปชั่วครู่

 

ใช่สิเขาลืมไป

 

ว่าอดีตกัปตันทีมจะไม่มาได้ยังไง

 

“นั่นไงที่ว่างข้างดูจุนอ่ะไปนั่งดิกีกวัง” รุ่นพี่ที่พาเขามาพูดจบประโยคเสร็จก็โดนฝ่ามือของรุ่นพี่อีกคนฟาดเข้ากลางหัวพอดี

 

“มึงลืมรึไงว่าสองคนนี้”

 

“เออวะ”

 

“ไม่เป็นไรครับผมนั่งได้” เพราะไม่อยากให้รุ่นพี่ลำบากมากนักเลยตัดสินใจพาตัวเองไปนั่งที่ข้างๆกับอดีตกัปตันทีมโรงเรียน

 

ยุนดูจุน

 

กำลังมองคนที่นั่งลงข้างๆกับเขาก่อนจะพงกหัวรับแก้วใบเล็กมายกดื่มให้หมดภายในอึกเดียวตามมารยาท ก่อนเจ้าตัวจะโดนถามไถ่อะไรไปต่างๆนาๆ

 

อีกีกวังเรียนอยู่มหาวิทยาลัยศิลปะเช่นเดียวกับเขา แต่กีกวังเรียนวาดภาพส่วนเขาเรียนการแสดง จึงแทบจะไม่ได้เจอกันเลยแม้ว่าจะเรียนที่เดียวกัน

 

ไม่ได้เจอกันเลยตั้งแต่เลิกกันไป

 

งานเลี้ยงรุ่นดำเนินมาร่วมสามชั่วโมงแล้วเริ่มมีคนทยอยกลับไปเรื่อยๆ คนที่เหลือส่วนใหญ่ก็เป็นพวกที่สนิทสนมกันและหัวหลักในการจัดงานวันนี้

 

กีกวังเองก็อยากกลับเต็มทีแล้วติดตรงที่เขาโดนรั้งไว้ไม่ให้กลับซักที

 

แม้ว่าจะนั่งข้างกันพูดคุยกับคนทั้งงานแต่กับคนข้างตัวเขายังไม่ได้ทักกันซักคำเลย เสี้ยวหน้าของอีกคนที่ทำให้เห็นสันกรามอย่างชัดเจนจนอดคิดไม่ได้ว่าอีกคนต้องลดน้ำหนักลงมามากขนาดไหน

 

เมื่อก่อนยังไม่เห็นสันกรามชัดขนาดนี้เลยนะ

 

“มันหล่อขึ้นหรอกีกวังจ้องขนาดนั้น” เสียงรุ่นพี่ที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามกันคนอายุน้อยที่สุดในโต๊ะให้พาลสะดุ้งแต่ก่อนจะลากสายตาออกจากหน้าอีกคนได้ ตาคมของอีกคนก็หันมาสบกับกีกวังพอดี

 

“พี่ดูจุน”

 

“…”

 

“ผอมลงมากเลยนะครับ”

 

“ฮิ้วๆ ถ่านไฟเก่าเว้ยยย” เพราะความเมาทำให้คนอื่นไม่ได้ยินเสียงของรุ่นพี่คนนี้ ยังดีที่กีกวังพอจะครองสติได้บ้างคงเพราะคนข้างๆอีกนั่นแหละที่ช่วยเขาดื่ม แม้จะไม่ได้เอ่ยแต่ทุกครั้งที่มีแก้วโซจูถูกยื่นไว้ข้างๆเมื่อเขาหันไปมันก็หมดทุกที

 

“เออกูถามจริงเถอะ”

 

“อะไร” ดูเหมือนว่าดูจุนจะเริ่มรำคาญไอเพื่อนที่เมาแล้วพูดมากคนนี้เหลือเกิน แต่ถ้ายังไม่ตอบก็ยิ่งจะโดนเซ้าซี้เขาถึงต้องมาตอบมันอยู่นี้ไง

 

“พวกมึงไปคบกันยังไงวะ”

 

“เออจริงว่ะ มาถึงก็เปิดตัวเลย ยังไม่ทันรู้ไปคบกันยังไง” ดูจุนได้แต่กลอกตาเล็กน้อยเขาไม่น่าเปิดโอกาสให้มันพูดเลยจริงๆ

 

“เรื่องมันเก่าละพูดทำไมวะ”

 

“ น้องกีกวังเล่าให้พี่ๆฟังหน่อยสิ้” เขาเหลือบมองคนข้างๆที่เอาแต่มองคนนั้นคนนี้ไปมาก่อนจะส่งยิ้มหวานพลางส่ายหน้าให้

 

เรื่องอะไรเขาจะต้องเล่าเรื่องแบบนี้ให้คนอื่นฟังวะ

 

 

“พี่ดูจุนครับผมชอบพี่” เด็กชายตัวกลมนิดๆให้เดาจากชุดที่ใส่แล้วน่าจะอยู่ที่ม.ต้นกำลังยื่นขนมสารพัดอย่างให้เขา ใบหน้าขาวขึ้นริ้วแดงที่แก้มชวนให้อยากจะเอามือลงไปจิ้มไม่หยอก

 

“ทำไมชอบพี่ละ” เขาไม่ใช่คนโง่ที่ไม่รู้ตัวว่าตัวเองค่อนข้างป็อบพอสมควร คนสารภาพรักกับเขาก็เยอะแต่เขายังไม่สนใจเรื่องแบบนั้นมากนัก อาจจะเพราะมีแต่คนชอบแต่ภาพลักษณ์เขาละมั้งเขาเลยยังไม่เลือกใครซักคนอยู่ดี

 

“พี่เท่นี่ครับ” นั่นไง เหตุผลเดิมๆแต่เมื่อดูจุนกำลังจะพูดปฏิเสธอีกคนเจ้าตัวกลับพูดขึ้นมาขัดเขาซะอย่างนั้น

 

“เมื่อก่อนผมไม่มีความคิดอยากจะออกกำลังกายเลยซักนิด แต่เมื่อปีที่แล้วที่พี่ได้ทำประตูให้กับโรงเรียนเรา” เสียงหวานพูดถึงงานกีฬาประจำปีที่โรงเรียนเขามักจะจัดแข่งกับอีกหลายๆโรงเรียนและเขาเป็นที่ทำประตูให้โรงเรียนเป็นแชมป์ได้ ตาใสเป็นกายเมื่อนึกถึงช่วงเวลานั้น

 

“มันทำให้มอยากจะออกวิ่งซักที แล้วผมก็เริ่มทำ”

 

“….” ดูจุนยังคงมองหน้าอีกคนที่พูดถึงตัวเขาและเจ้าตัวเองด้วยอารมณ์แบบไหนเขาก็ไม่เข้าใจ

 

“แต่ผมก็ไม่ได้หวังให้พี่รับรักผมนะครับ”

 

“…”

 

“รอไว้ผมผอมเมื่อไหร่ผมจะมาสารภาพรักกับพี่อีกทีนะครับ”

 

“ไม่ต้องหรอก”

 

“ห้ะ”

 

“คบกันตอนนี้แหละเดี๋ยวผอมขึ้นมาคนชอบเยอะฉันก็แย่สิ” จำได้ว่าตอนนั้นดูจุนคิดแค่ว่าอยากให้เจ้าเด็กคนนี้ผอมดูซักครั้งอย่างน้อยมันก็ดีต่อสุขภาพเจ้าตัวเอง ไม่ได้คิดเลยว่าช่วงเวลาที่คบกันจะยาวนานขนาดนี้

 

“พี่ดูจุนนน” เสียงหวานที่คุ้นเคยดังขึ้นก่อนเจ้าตัวซะอีก รอยยิ้มหวานที่มีให้เขาตั้งแต่วันแรกจนตอนนี้ผ่านมาหนึ่งปีแล้วมันยังคงอยู่และมีให้เขาเสมอ

 

เด็กตัวกลมได้หายไปแล้วเหลือแค่อีกีกวังตัวเล็กคนนี้ เจ้าตัวตัวเล็กกว่าที่ดูจุนคิดไว้จำได้ว่าพอเริ่มคบกันกีกวังขอให้เขาปิดสถานะพวกเขาไว้ บอกแค่ว่าให้พากีกวังเข้าชมรมเพราะอย่างลดน้ำหนัก

 

ไปๆมาๆกลายเป็นผู้เล่นเบอร์10 ผู้เล่นที่สามารถเล่นได้ทุกตำแหน่งได้เป็นอย่างดี

 

“มานี่สิ” กีกวังเดินตามรุ่นพี่เขา1ปีอย่างดูจุนไปตามทางซึ่งเขาคุ้นเคยเพราะเข้ามาตลอด 1 ปีที่ผ่านมาอย่างห้องชมรมฟุตบอลเอง

 

“อ่ะ” มือใหญ่กว่ากุมมือเล็กก่อนจะกระชับแน่นไม่ให้อีกคนปล่อย อีกข้างของคนเป็นพี่ค่อยๆเปิดประตูก่อนจะพูดประโยคที่ทำให้คนทั้งห้องช็อครวมไปถึงกีกวังเองด้วย

 

“เฮ้ยพวกมึง กูกับกีกวังเป็นแฟนกันแล้วนะ” วันนั้นไม่ได้ซ้อมดีๆเลยเพราะทุกคนล้วนเวียนมาถามเขาว่าไปคบกันตอนไหน คบกันเมื่อไหร่ จบการซ้อมวันนั้นด้วยการไปกินเนื้อย่างที่ร้านนี้ร้านเดิมเพื่อฉลองที่กัปตันคนหล่อมีแฟนซักที

 

 

“อร่อยมากเลยละสิ” ดูจุนเอ่ยขึ้นก่อนจะยื่นมือไปเช็ดมุมปากให้กับอีกคนที่กินไอศกรีมจนเลอะ เสร็จก็เท้าคางมองอีกคนเหมือนเดิม

 

“พี่ไม่กินหรอ” หลังจากผงกหัวขอบคุณเจ้าคนที่เอาแต่กินถามคนที่นั่งตรงข้ามเขาว่าทำไมถึงปล่อยให้เขากินคนเดียวแบบนี้

 

“ไม่ละเดี๋ยวอ้วน”

 

ผัวะ

 

ไวกว่าความคิดเมื่อมือของกีกวังฟาดลงบนแขนอีกคนอย่างพอดิบพอดี ให้ตายสิตั้งแต่เขาน้ำหนักลงมากขึ้นจนตอนนี้อีกคนต้องพามาขุนเนื่องจากผอมเกินไปแล้วมาบ่นต่อหน้าเขาว่าจะอ้วนแบบนี้ได้ยังไงกัน

 

“ปากเสีย”

 

“หมายถึงพี่ไงไม่ใช่เราซักหน่อย”

 

“เออไม่รู้แหละ” ช้อนคันเล็กถูกยื่นมาตรงหน้า ดูจุนก็ยังส่ายหน้าให้อีกคนเหมือนเดิมเพราะเขาไม่อยากจะกินจริงๆแต่อีกคนเริ่มให้ไม้ตายอีกครั้ง

 

“ไม่กินจริงๆหรอครับ” เสียงอ่อยๆพร้อมกับสายตาหมาน้อยแบบนี้มีหรือที่ยุนดูจุนจะใจแข็งอยู่ได้ ปากเขาค่อยๆงับเอาเจ้าไอติมในช้อนคันเล็กมา ก่อนจะเห็นยิ้มหวานจากกีกวังเป็นรางวัล

 

“ไงอร่อยมั้ย” ตาใสเบิ่งกว้างเมื่ออยู่อีกคนก็ทาบริมฝีปากกับเขา มือใหญ่จับตรงคางอีกคนให้ปากอิ่มเปิดออกเล็กน้อยก่อนจะส่งลิ้นเข้าไปสำรวจโพรงปากหวานของอีกคน

 

“อร่อยมั้ยละ” แล้วดูจุนก็ได้ขนมตุ๊บตั๊บมาชุดใหญ่ข้อหาจูบเจ้าตัวในที่สาธารณธและยังไม่ทันได้ตั้งตัว

 

“งี้ถ้าตั้งตัวก็ทำได้สิ โอ๊ย” ยัง ยังไม่เข็ดอีก

 

 

 

 

“งั้นกูเปลี่ยนคำถามก็ได้” เมื่อว่าเพื่อนเขาจะยังไม่เลิกไม่ลา ดูจุนเลยต้องหันมาถามอีกคนที่นั่งข้างๆเขาแทนที่จะสนใจเพื่อนเขาแล้ว

 

“จะกลับเลยมั้ยเดี๋ยวไปส่ง”

 

“พวกมึงเลิกกันได้ไงวะ” แก้วในมือของกีกวังแทบหล่น แม้จะคิดอยู่แล้วต้องมีคนถามแน่ๆแต่เขาไม่พร้อม ไม่อยากจะตอบเท่าไหร่นัก

 

มันไม่ใช่เรื่องที่น่าป่าวประกาศเท่าไหร่นัก

 

“กูขี้เกียจตอบ พูดมากขนาดนี้ไปจ่ายตังเลยนะมึง” มือใหญ่คว้าข้อมือเล็กของคนข้างๆก่อนจะพาออกไปจากร้านจากสถานการณ์อึดอัดแบบนั้นให้เป็นสวนสาธารณะใกล้ๆแทน

 

ความเงียบถูกปกคลุมแทนความวุ่นวายเมื่อครู่ มือเล็กหยิบเครื่องมือสื่อสารก่อนจะส่งข้อความไประหว่างที่รอดูจุนเคลียร์ค่าใช้จ่ายแล้วค่อยๆออกเดินไปยังสวนสาธารณะใกล้

 

“สบายดีมั้ยครับ” มีคำถามมากมายที่อยากจะถามแต่สุดท้ายกีกวังก็เลือกคำถามที่ดูโง่ที่สุดมาถาม อีกีกวังยังไงก็คืออีกีกวังที่ดูจุนรู้จักมาตลอดสามปี

 

“อื้มก็ดีแต่เหนื่อยหน่อย”

 

“ผอมลงมากเลยนะครับ”

 

“อื้ม” กีกวังเริ่มเบนสายตามามองมือตัวเองแทนเมื่อบทสนทนาจบลงเร็วกว่าที่คิดไว้ ปากอิ่มค่อยๆเม้มเข้าหากัน เขากำลังลังเลว่าควรพูดดีมั้ย

 

“คิดถึงนะ” เป็นเสียงทุ้มของคนข้างๆที่ชิงพูดก่อนเขา ตาใสเบิ่งกว้างเล็กน้อยไม่รู้ว่าเจ้าตัวกำลังคิดอะไรอยู่ แม้จะรู้ว่ากีกวังนิสัยแบบไหนแต่เขาเดาอามรณ์กีกวังตอนนี้ไม่ได้เลย

 

ความผิดอาจจะเป็นที่เขาก็ได้

 

 

“ก็แค่เพื่อนอ่ะ”

 

“เพื่อนหรอใกล้กันขนาดนั้น เพื่อนทำไมไม่จูบกันไปเลยละ”

 

“พี่ดูจุน!!” ก่อนหน้าที่จะครบรอบสามปีในไม่กี่วันพวกเขาทะเลาะกันอีกแล้ว ดูจุนกลายเป็นหนุ่มมหาวิทยาลัยส่วนกีกวังก็เป็นเด็กไฮสคูลปีสุดท้าย

 

ความเครียดในการปรับตัวเข้ากับสังคมใหม่การเรียนแบบใหม่ของดูจุน กับ ความเครียดที่จะต้องสอบเข้าและติดเพื่อนของกีกวังทำให้มันกลายเป็นปัญหามาโดยตลอด

 

ทุกๆครั้งที่เจอพวกเขาจะต้องทะเลาะกันไม่เรื่องใดก็เรื่องหนึ่งทุกครั้ง

 

“พูดจริง จูบมันไปเลยดิ”

 

ผัวะ

 

หมัดเล็กแต่แข็งแรงกระทบกับแก้มขวาของคนอายุมากกว่าด้วยแรงโทสะ เขาเหลือทนแล้วที่จะต้องมาฟังอีกคนมาพูดแดกดันเขาแบบนี้ กีกวังค้นกระเป๋าก่อนจะหยิบข้าวของทุกอย่างที่ดูจุนเคยซื้อให้รวมไปถึงกระเป๋าใบนั้นแล้ววางมันไว้เบาะหลังรถ

 

“พอเลิกเถอะ”

 

“…”

 

“ไม่ไหวแล้วว่ะพี่ ถ้าทุกครั้งที่เราเจอกันต้องทะเลาะกันแบบนี้” ตาใสวาวกว่าเดิมเพราะน้ำใสๆในตาแต่เจ้าตัวพยายามกลั้นมันไม่ให้ไหลลงมา

 

อย่างน้อยก็ต่อหน้าดูจุนไม่ให้มันไหลก็พอ

 

“ผมก็เบื่อแล้วที่ต้องเป็นแบบนี้”

 

“เอองั้นก็เลิกกันไปเลย” เพราะยังมีความโกรธที่คงค้างทำให้ดูจุนพูดตอบรับไปโดยไม่แม้แต่จะทำการปรับความเข้าใจกันแม้แต่น้อย คนตัวเล็กได้ยินคำตอบนั่นชัดเจนเต็มสองหูมือเล็กค่อยๆกำหมัดแน่นเพื่อสะกดอารมณ์ตัวเอง

 

“เออ” กีกวังเดินออกมาจากรถคันนั้นพร้อมๆกับความสัมพันธ์ของพวกเขาที่จบลง

 

 

 

“แค่คิดถึงตอนนั้น”

 

“…”

 

“แล้วก็คิดถึงมาตลอด” หลังจากที่เลิกกันดูจุนก็เข้าใจว่าการที่ไม่มีคนตัวเล็กมันไม่โอเคเหมือนที่คิดไว้เลย เขาอยากได้อีกคนกลับมาเหมือนเดิมแต่เพราะทิฐิของเขาเองทำให้เขาเองไม่กล้าที่จะไปหา พูดคุยหรือเจอหน้าเท่าไหร่

 

วันนี้คงเป็นโอกาสเดียวของเขาแล้ว เขาดีใจมากแค่ไหนที่เห็นอีกคนก้าวเข้ามาในร้านแถมยังเลือกที่จะนั่งข้างเขาอีกมันพอจะทำให้เขากล้าที่จะทำในสิ่งที่เขาควรทำมาตั้งนานแล้ว

 

“กีกวัง” เสียงใครบางคนกำลังเรียกคนตัวเล็กจากที่ไม่ห่างกันมาก กีกวังเหลียวไปมองตามเสียงเล็กน้อย

 

“พี่จุนฮยอง” ยงจุนฮยอง เจ้าของแบรนด์เสื้อผ้าที่กีกวังกำลังเป็นแบบให้อยู่แม้จะอายุเท่ากับดูจุนแต่อีกคนสามารถทำแบรนด์ของตัวเองออกมาให้เป็นที่ต้องการของตลาดได้อย่างรวดเร็ว

 

เป็นคนที่เก่งคนหนึ่ง

 

เพราะแบบนี้สินะกีกวังถึงไปเป็นแบบให้ ท่าทางสนิทสนมพอจะบอกให้ดูจุนถอยออกมาอยู่เงียบๆก่อนจะตัดสินใจหันหลังแล้วเดินกลับไป

 

“คนนั้นนะหรอดูจุน” หัวกลมพยักหน้าให้กับคำตอบของจุนฮยอง คนตัวสูงกว่าขมวดคิ้วก่อนจะจับไหล่ของกีกวังไว้ให้อีกคนหันมามองเขา

 

“แล้วทำอะไรอยู่”

 

“ทำไมไม่ไปหาเขาละ” ทำไมจุนฮยองจะไม่ได้ยินที่ดูจุนพูดกับกีกวัง ทั้งที่ก็รู้ว่ากีกวังรู้โอกาสแบบนี้มานานขนาดไหนทำไมถึงปล่อยไปแบบนี้กันละ

 

“ถ้าแกไม่ตามเขาไปพี่จะไม่ให้ฮงกีมันรับแกเป็นน้อง” กีกวังได้แต่เบ้ปากให้อีกคน ตาใสมองแผ่นหลังของดูจุนด้วยท่าทางลังเลใจ จุนฮยองถอนหายใจทีหนึ่งก่อนจะพูดในสิ่งที่เขาคิดจริงๆ

 

ใช่ เขากับกีกวังกำลังมีอะไรบางอย่าง อย่างน้อยก็แค่คุยๆกันอยู่แต่เขาก็พอรู้ว่าเขาพัฒนาความสัมพันธ์นี้เกินพี่น้องไม่ได้เลย ในเมื่อเขาสู้คนในใจที่มีอยู่มาตลอดไม่ได้เลย

 

“พี่ไม่เป็นไร”

 

“กีกวังไปเถอะ” คนตัวเล็กโค้งขอโทษให้จุนฮยองก่อนจะตัดสินใจวิ่งไล่ตามหลังของดูจุนที่เหมือนจะไกลจนแทบมองไม่เห็น

 

 

อย่างน้อยก็ทำให้เขาได้รู้ว่ากีกวังคงจะมีความสุขแน่ๆต่อจากนี้

 

 

สกิลนักฟุตบอลที่มีติดตัวมาทำให้เขาไล่ตามอีกคนได้ไม่ยากแต่จะคลาดกันก็ตอนที่จะข้ามถนนนี่แหละ

 

“พี่ดูจุน” เจ้าของชื่อค่อยๆหันกลับมามองก่อนจะตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเป็นกีกวังเองที่เป็นคนเรียก ยังไม่พอมือเล็กยังเข้ามากุมมือเขาไว้ก่อนจะพากันเกินข้ามถนนตามสัญญาณไฟ

 

“กีกวัง? ทำไมไม่กลับบ้าน”

 

“พี่บอกคิดถึงผมไม่ใช่หรือไง”

 

“ก็ใช่”

 

“ก็แค่อยากจะบอกว่า” กีกวังกระชับมือที่กุมอีกอยู่ให้เป็นการประสานมือกันก่อนจะเดินไปตามท้องถนนที่แม้จะดึกมากแล้วแสงไฟที่เหลือตามข้างทางกลับทำให้กีกวังอดยิ้มออกมาไม่ได้

 

“ว่าอะไรละ”

 

“ว่าคิดถึงเหมือนกันนะ”

 

THE END

 


 

 

SPE. สอนสมัครและสตรีมเมล่อน

Special สอนวิธีการสมัครและสตรีมในแอปเมล่อน

 

*แฟนๆHIGHLIGHT SJ WEKIMEKI สามารถนำไปแชร์ต่อได้นะคะ*

 

ก่อนอื่นต้องโหลดแอปมาก่อนนะคะ

ของIOSเปลี่ยนให้เป็นapple id ของเกาหลีก่อนนะคะ

IOS – https://itunes.apple.com/kr/app/%20%EB%A9%9C%EB%A1%A0-melon/id415597317?mt=8

ANDROID – https://apkpure.com/%20%EB%A9%9C%EB%A1%A0/com.iloen.melon

WEB – https://www.melon.com/

 

วิธีการสมัคร

*เนื่องจากว่าทางเมล่อนได้ตัดการสมัครแบบใช้อีเมล์ไปแล้ว วิธีที่เหลืออยู่คือการเชื่อมกับคาทกไอดีนะคะ ต้องสมัครคาทกไอดีก่อนนะคะ*

difg7pouaairpzc.jpgDIFg89HUQAE1zpD.jpgDIFg94DUwAAj0Pt.jpgDIFhZYYUAAAvEBq.jpg

DIFhaTzUwAQYExo.jpgDIFhbSCVYAADiGX.jpg

DIFhrJyUQAAsBhq.jpgDIFhsMVUAAUd772.jpg

หลังจากที่สมัครแล้วเราสามารถซื้อแพคเกจของทางเมล่อนได้ซึ่งIOSสามารถซื้อได้เลยค่ะ แต่แอนดรอยด์ยังซื้อไม่ได้นะคะ เราใช้แอนดรอย์ค่ะ ดังนั้น ซื้อกินเอาค่ะ

 

 

 

เราสามารถที่จะจัดเพลย์ลิสต์ได้เองค่ะ แต่ส่วนใหญ่หากเป็นช่วงที่สตรีมทางเกาหลีจะจัดเพลย์ลิสต์มาให้เราก็จัดตามนั้นแล้วฟังรัวๆเลยค่ะ

 

สำคัญมากๆๆๆๆๆ

**** อย่ากดสุ่มเพลย์ลิสต์ อย่ากดเล่นเพลงเดียว ให้กดเล่นทั้งหมดโดยไม่สุ่มนะคะ ไม่อย่างนั้นการสตรีมจะไม่ได้ผลใดๆเลย*

*หากต้องการสตรีมโดยจัดเพลย์ลิสต์เองให้จัดให้พอดีกับ1ชั่วโมงนะคะ เพราะทางเมล่อนจะตัดทุกๆ 1 ชั่วโมง มันจะได้พอดีค่ะ*

 

สงสัยตรงไหนถามเราได้ค่ะ @redbunnyx14

 

(fic) junkwang – To Him

Title: To Him

Pairing: YongJunHyung x LeeGikwang

Rate: PG

Author: red.bunny

NOTE : แรงบันดาลใจเรามาจากเพลงนี้ค่ะ แม้เนื้อหาจะไม่เกี่ยวกันมากก็เถอะ555

 


 

คนตัวเล็กกำลังนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นขนาดเล่นเพื่อที่จะได้เริ่มอ่านหนังสือที่เขาซื้อมาตั้งนานแต่ยังไม่ได้เปิดเสียที เจ้าของบ้านที่กำลังเดินมาหาคนตัวเล็กด้วยความเร็วก่อนจะนั่งปุลงที่ข้างๆกันพลางยิ้มกว้างให้อีกคน จนคนตัวเล็กกว่าอดยิ้มกลับไม่ได้

 

“มีไรอ่ะ” เขาถามด้วยความสงสัยก็อยู่คนที่นั่งยิ้มอยู่กับเขาตอนนี้เพิ่งเปิดประตูห้องน้ำออกมา

 

“ยงจุนฮยอง?” จนแล้วจนรอดคนที่เอาแต่ยิ้มก็ไม่ยอมพูดอะไร จนเขาต้องเอามือทั้งสองเขามาแปะไว้ที่ข้างแก้มของอีกคนเพื่อเรียกสติ

 

แทนที่จะได้คำตอบเป็นคำพูดกลับได้หูฟังมาข้างหนึ่งเขาเลยจำใจต้องยัดมันลงในหูของตัวเองส่วนอีกข้างก็อยู่ที่จุนฮยอง เพลงสไตล์ฮิปฮอปดังขึ้นมาจังหวะบีทหนักๆที่เขาไม่คิดจะฟังเองเลยแม้แต่น้อย ถ้อยคำที่นักร้องพูดออกมาราวกับว่ากลัวใครแย่งพูด การด่าสังคมที่มีการเปรียบเปรยจนจบเพลง

 

“เป็นไง” คนที่ทำหน้าตาเฝ้ารอคำตอบเขาเขาเลยได้แต่ยิ้มแห้งให้พลางพยักหน้าเล็กน้อย

 

ถ้าเป็นคนฟังฮิปฮอปก็คือเพราะใช่มั้ย

 

 

“กีกวัง”

 

“อีกีกวัง” เสียงทุ้มคุ้นหูดังขึ้นข้างๆหูจนเจ้าของชื่อสะดุ้งสุดตัว เฮดโฟนในมือแทบจะร่วงๆไปกองดีที่ยังเก็บทันไม่งั้นกีกวังจะต้องได้เสียค่าเฮดโฟนให้ร้านแน่ๆ เขาหันไปมองคนที่ยิ้มให้ก่อนจะวางเฮดโฟนไว้แล้วจับมืออีกคน

 

“ผมไปก่อนนะครับ” จุนฮยองโบกมือลาเจ้าของร้านขายอัลบั้มที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดีก่อนจะพาทั้งเขาและกีกวังออกไปหาอะไรกิน

 

“อ่ะ” อยู่ๆคนที่จูงมือเขาออกมาก็เกิดอยู่ชะงัก กีกวังเหลียวไปมองตามที่อีกคนกำลังยืนมองอยุ่ก่อนจะพบร้านขายสัตว์ที่ไม่ใช่แค่วันนี้ที่จุนฮยองจะชอบมายืนจ้องเจ้าสัตว์สี่ขาที่น่ารัก แต่ก็เป็นทุกครั้งที่พวกเขาออกมาซื้ออัลบั้มกัน

 

“จุนฮยอง กีกวังหิวข้าว” เสียงอ่อนของเขาสามารถใช้เรียกสติอีกคนได้ดีเสมอ คนที่เดินนำหน้ากว่าเล็กน้อยพยักหน้ารับรู้ก่อนจะเดินไปที่ร้านอาหารอย่างที่ตั้งใจไว้

 

 

“นี่” ระหว่างที่กินข้าวกันเกือบเสร็จกีกวังก็เปิดบทสนทนาที่เจ้าตัวคิดว่าอีกคนคงต้องแอบหงุดหงิดเขาแน่ๆแต่ยังไงเขาก้ต้องยอมเสี่ยง

 

“พรุ่งนี้ขอไปเตะบอลนะ” จุนฮยองขมวดคิ้วทันที เขาไม่อยากให้อีกคนไปเล่นบอลเท่าไหร่เพราะทุกๆครั้งที่เล่นกลับมากีกวังจะต้องได้แผลไม่ก็ข้อพลิกมาทุกครั้ง จะไม่ให้เขาเป็นห่วงได้ยังไงละ

 

“คือพรุ่งนี้พี่ที่เป็นทีมชาติเขาจะมาเล่นด้วยอ่ะ” เสียงพูดเริ่มเบาขึ้นเมื่อเห็นว่าอีกคนเอาแต่ขมวดคิ้วให้เขาจนกีกวังเองก็ไม่กล้าจะสบตากับคนตรงหน้า

 

“ได้ แต่จุนฮยองไปกับกีกวังนะ”

 

 

“แล้วแฟนมึงมาทำไรแถวนี้วะ” ดูจุนหันมากระซิบกระซาบกับคนตัวเล็กที่ยังคงผูกเชือกรองเท้าเพื่อเตรียมตัวไปวอร์มร่างกาย

 

“เอ้า มานอนเล่นมั้ง” ก่อนที่คนตัวโตจะฟาดมือลงหัวเขาได้กีกวังก็รีบวิ่งหนีเข้าสนามไปก่อน ตาใสหันกลับมามองคนที่นั่งอยู่ข้างสนามที่กำลังนั่งฟังเพลงอยู่ก่อนจะโบกมือให้เป็นสัญญาณว่าอยู่ตรงนี้รอเขา

 

 

“เหนื่อยมั้ย” จุนฮยองยื่นขวดน้ำให้คนที่นั่งลงข้างตัวพร้อมกับเหงื่อที่โชกตัวจนเหมือนอาบน้ำมา ถึงอย่างนั้นเจ้าตัวก็ยังยิ้มกว้างมาให้จุนฮยองอยู่ดี

 

อ่า น่ารัก

 

“อ่ะ ทำไรหน่ะ” อยู่ๆอีกคนก็เกิดเพี้ยนยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนกีกวังต้องหดคอหนี จุนฮยองยิ้มมุมปากให้เมื่อเห็นแววตาสั่นๆจากอีกคน

 

“จะขอ”

 

“ขอ?”

 

“เฮ้ยเตี้ย” ไม่ทันได้อะไรอย่างที่ขอกีกวังก็โดนเรียกให้เข้าสนามเพราะหมดเวลาแล้ว ก็เป็นจุนฮยองที่นั่งหงอยรอต่อไป

 

 

มันอดไม่ได้ที่จะแอบมองไปทุกทีจนทำให้สมาธิในการเล่นน้อยลง เพราะคนที่อยู่ข้างสนาม

 

ไม่ได้นั่งอยู่คนเดียว

 

แต่กีกวังไม่ใช่คนขี้หึงถึงขั้นที่อยากจะเดินเข้าไปแยกพวกเขาออก แม้ว่าจะดูนั่งหัวร่อต่อกระซิกกันอย่างออกรสจนเขาเผลอเตะบอลแรงจนชนเสาโกลล์

 

“ใจเย็นไว้อีกีกวัง” ได้แต่บอกตัวเองให้สงบจิตใจแล้วตั้งใจเล่นกับเพื่อนๆในสนามเพื่อไม่ให้ตัวเองเป็นตัวถ่วงทีมอีก

 

แต่อย่างนั้นมันก็มีเหลือบไปมองบ้าง

 

 

“แล้วเขาก็เลี้ยงหมาด้วยแหละอยากเลี้ยงบ้างจัง แล้วบังเอิญอี้กที่เขาก็ชอบฮิปฮอปเหมือนกัน ตลกดีเนอะ” ตอนนี้ท้องฟ้าข้างนอกมืดได้มานานพอสมควรทั้งจุนฮยองกับกีกวังกำลังจะไปกินข้าวกัน ในรถดูบรรยายแปลกไปเล็กน้อยในปกติแล้วจะเป็นกีกวังที่พูดให้จุนฮยองฟังหลังจากเล่นบอลเสร็จ แต่วันนี้กลับเป็นคนที่ขับพูดส่วนคนตัวเล็กกว่าหันไปสนใจวิวด้านนอกมากกว่าแทน

 

เขาไม่อยากให้จุนฮยองเลี้ยงหมาเท่าไหร่แม้จุนฮยองจะชอบมากแต่กีกวังรู้ว่ามันต้องใช้ความรับผิดชอบ กีกวังกลัวว่าเจ้าหมาน้อยจะโดนละเลย หรือแม้แต่การที่พวกเขาสองคนไม่มีเวลาให้มัน

 

“อยากเจออีกจัง”ไม่รู้ว่าจุนฮยองตั้งใจแบบนั้นจริงๆหรือแค่พูดเพราะถูกใจแค่นั้น แต่มันสะกิดใจกีกวังมากพอ

 

 

 

“จุนฮยองไปไหนอ่ะ” กีกวังตะโกนถามคนที่กำลังใส่รองเท้าเพื่อเตรียมตัวออกจากบ้าน ปกติแล้วจุนฮยองไม่ใช่คนชอบออกบ้านเท่าไหร่เป็นกีกวังเองมากกว่า แต่ช่วงนี้เจ้าของบ้านกลับไม่ค่อยอยู่บ้านและเป็นกีกวังเองที่ติดบ้านแทน

 

“ออกไปหาเพื่อนหน่ะ”

 

“เพื่อน?”

 

“ใช่ กีกวังกินข้าวก่อนเลยนะ”เสียงประตูปิดก่อนที่คนตัวเล็กกว่าจะได้ท้วงอะไร

 

“อีกแล้วหรอ” หลังจากวันนั้นวันที่จุนฮยองไปเฝ้ากีกวังเล่นบอลไม่รู้ว่าเขาคิดเองรึป่าวว่าจุนฮยองดูจะติดโทรศัพท์มากขึ้นแถมยังออกบ้านบ่อยขึ้น

 

โดยที่ไม่พาเขาออกไปด้วย

 

เป็นอย่างนี้มาเกือบเดือนแล้ว

 

 

“อื้ม ไว้เจอกันนะ” จุนฮยองวางสายจากคนที่เขาเพิ่งไปส่งถึงบ้านก่อนจะกลับมาถึงบ้านตัวเองบ้าง ไฟที่ห้องนั่งเล่นยังสว่างโล่ทั้งๆที่เวลานี้คนตัวเล็กของเขามักจะไปขลุกอยู่ในห้องนอนแล้ว

 

“กีกวัง?” เขาเรียกคนที่ยังคงเล่นเกมคอนโซลอยู่หน้าจอไม่ไปไหน เจ้าของชื่อทำเพียงแค่การขานตอบรับเขาเท่านั้นแต่ตาใสยังคงจ้องอยู่ที่จอโทรทัศน์

 

อาบน้ำก่อนแล้วกัน

 

“จุนฮยอง” คนที่เพิ่งนั่งเล่นเกมย้ายตัวเองขึ้นมานั่งบนเตียงเป็นที่เรียบร้อย เสื้อกล้ามสีขาวกับบอกเซอร์ที่เรียบง่ายผมยุ่งๆของเจ้าตัวทำให้จุนฮยองอยากจะจับฟัดซักที แขนของคนตัวเล็กยื่นมาด้านหน้าราวกับขอให้เขากอด

 

“เป็นอะไรละเนี่ยหื้ม?” จุนฮยองจัดการสวมกอดอ้อมแขนที่รออยู่พลางโยกตัวคนที่เอาแต่มุดตัวเองอยู่กับอกเขา มือที่ว่างก็ลูบผมที่ยุ่งของเจ้าตัวไปมา

 

“จุนฮยองอ่า”

 

“ครับ กีกวัง”

 

“จุนฮยอง” ตาใสที่ดูวาวขึ้นกว่าปกติเพราะอยู่ๆคนที่เรียกชื่อก็เงยหน้าขึ้นมามองด้วยตาที่รื้นน้ำตาเล็กน้อย จุนฮยองได้แต่ตกใจทำอะไรไม่ถูกจับอีกคนมานั่งตักเขาก่อนจะสบตาใสที่กำลังพยายามจะหลบตาเขาอยู่

 

“ไหนบอกสิใครทำไรกีกวัง” คนที่โดนจับคางให้หันมาสบตากันเบาๆได้แต่เม้มปากว่าเขาควรจะพูดจริงๆมั้ย

 

“จุนฮยองรู้ใช่มั้ยว่ากีกวังไม่ชอบ..”

 

“ไม่ชอบเพลงฮิปฮอป ไม่ชอบหมา แพ้ขนแมว เอาไหนละ” ไม่ต้องบอกว่าคนที่กำลังจะถามอึ้งไปแล้วเรียบร้อยเมื่อจุนฮยองพูดในสิ่งที่เขากำลังอยากจะพูดและคงรู้แล้วเขาคิดอะไรอยู่ถึงได้ดึงตัวเขาไปกอดแน่นๆพลางโยกตัวอีกที ไอน้ำตาที่ตอนแรกว่าจะแค่คลอๆดันพาลจะไหลเอาดื้อๆ

 

“ฉันรู้หมดแหละ”

 

“แต่ฉันขอโทษนะที่บังคับให้กีกวังต้องมาทำอะไรที่ไม่ชอบแบบนี้” จุนฮยองไม่ใช่คนโง่ เขาก็พอจะรู้ตัวดีแต่เพราะเวลาที่เขาชอบอะไรเขาก็อยากจะแชร์ให้คนที่รักเขาชอบด้วย แต่คงไม่ใช่กับกีกวังซักเท่าไหร่

 

หลังจากวันนั้น วันที่จุนฮยองไปที่สนามบอลกับกีกวังแล้วบังเอิญเจอกับจางฮยอนซึง คนที่แทบจะมีทุกอย่างคล้ายเขา เพราะความชอบที่เหมือนกันทำให้เขารู้สึกได้ว่าความสัมพันธ์มันพัฒนาไปรวดเร็วเหลือเกิน

 

จนบางทีจุนฮยองก็คิดว่าฮยอนซึงคือคนที่ใช่มากกว่า

 

แต่พอผ่านไปได้เกือบสองอาทิตย์เขาถึงรู้ว่าจริงๆแล้วเขาไม่ได้ต้องการคนที่เหมือนกันมาเป็นคนรักเขาแค่ต้องการเพื่อนที่ไว้คุยเรื่องเดียวกัน เขามีคนที่รักและรักเขามากพอแล้ว

 

จุนฮยองยังชอบที่จะเห็นหน้ามุ่ยๆของกีกวังเวลาเขาให้ฟังเพลง

 

จุนฮยองยังชอบที่ได้เห็นกีกวังแทบกระโดดขี่หลังเขาเวลาเจอเจ้าหมาน้อยหรือแมว

 

จุนฮยองยังชอบทุกอย่างของกีกวัง

 

และมันยังไม่เปลี่ยนไปง่ายๆ

 

“มันก็น่าน้อยใจมั้ยละ” เสียงอู้อี้เพราะเจ้าตัวเอาแต่ซุกอยู่ในอ้อมกอดเขา อกเปียกเพราะน้ำตาของอีกคนจนจุนฮยองเผลอกอดอีกคนให้แน่นกว่าเดิม

 

เขาไม่น่าทำให้กีกวังเป็นแบบนี้เลย

 

“ขอโทษครับ”

 

“ไม่เอาแบบนี้แล้วนะ”

 

“จะไม่เป็นแบบนี้แล้วครับ สัญญา”

 

THE END

 

(fic) junkwang – coffee or me

Title: coffee or me

Pairing: YongJunHyung x LeeGikwang

Rate: nc-15

Author: red.bunny

NOTE : ยังไม่เอ็นซีมากนะคะ แค่เรตนิดๆ ใครรู้ว่าใช้เรทแบบไหนดีช่วยบอกทีนะคะ5555 พอดีว่าเห็นคำนี้ในทวิตเลยเอามาแต่งดู จริงๆเรามีอีกพลอตเรทๆอีกแล้ว5555

 


 

 

 

 

“ไงกีกวัง” เขาหันไปมองตามเสียงที่เพื่อนเขาพูดก่อนจะพบกับเจ้าของชื่อที่เดินเข้ามาพร้อมกับเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนอยู่ ก่อนเจ้าตัวจะนั่งลงบนโซฟาที่นั่งประจำ

 

“วันนี้อยู่ดึกเลยละสิ” เป็นกีกวังที่กำลังคุยอยู่กับเพื่อนเขา ส่วนเขายังคงหมกหมุ่นอยู่กับการแต่งเมโลดี้เจ้าตัวเองก็คงไม่อยากมากวนมากนักถึงได้ไปนั่งคุยกับเพื่อนเขาแทน

 

“เอ้า ยงจุนฮยอง” สัมผัสเย็นๆที่เกิดจากที่เพื่อนเขาเอาแก้วเครื่องดื่มมาแนบกับแก้มเขาจนเผลอตกใจก่อนจะมองด้วยความไม่พอใจแต่ก็คว้าแก้วไปดูด

 

“ดูทำหน้าดิ้ ฮ่าๆ” จุนฮยองเลิกสนใจเพื่อนเขาแล้วหันไปมีสมาธิกับเจ้าเครื่องด้านหน้าตัวเองมากกว่า

 

“แล้วนี่ซ้อมเสร็จแล้วหรอ” เพราะได้ยินว่าอีกคนจะมีโซโล่เป็นของตัวเองแถมรอบนี้เหมือนเจ้าตัวจะมีส่วนร่วมกับทุกกระบวนการ ถึงไม่ค่อยได้เห็นหน้าเห็นตานัก น้อยครั้งมาดึกๆแบบนี้จนเขาชักจะเป็นห่วง

 

เป็นห่วงเพื่อนรักเขามันจะเหงาตายก่อน

 

“ใช่ เหนื่อยสุดๆอ่ะ” กีกวังตอบรับก่อนจะบ่นเรื่องต่างๆให้ฟัง ในขณะที่ตาก็ยังมองไปที่คนนั่งทำเพลงเป็นระยะ

 

“เออกลับก่อนนะ” จนเวลาล่วงมามากตอนนี้เขาเองก็ไม่ได้ตัวคนเดียวแล้วยังไงการกลับบ้านตรงเวลาก็คงเป็นสิ่งเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่ยิ่งที่เกิดขึ้น แรกๆมันก็ไม่ชินเท่าไหร่แต่พอทำไปนานๆมันก็กลายเป็นความชินแล้วเป็นสิ่งที่ต้องทำไปซะแล้ว

 

“อื้ม กลับดีๆนะ” กีกวังบอกลาก่อนที่เขาจะเอ่ยบอกคนที่ยังทำเพลงไม่สนใจใครทั้งนั้นให้รู้

 

งานก็ไม่ได้รีบขนาดนั้นนี้

 

สตูดิโอเหลือคนเพียงสองคนที่นั่งห่างจากกันไม่มากมีเพียงแค่เสียงดนตรีที่ดังเป็นระยะแทนบทสนทนาที่ควรจะมี ถึงอย่างนั้นมันกลับไม่ได้อึดอัดอย่างที่คิด

 

มือหนาคว้าแก้วอเมริกาโน่เย็นมาดูดแต่ก็พบว่ามันหมดแล้ว เขาควรไปซื้อเพิ่มสินะ

 

จุนฮยองตัดสินใจลุกจากที่นั่งเพื่อไปหาซื้อคาเฟอีนมาให้ร่างกายเพิ่ม มือคนที่นั่งอยู่โซฟาคว้าไว้ก่อนเขาจะออกจากห้องได้

 

“งานเร่งหรอ”

 

“ก็ไม่นะ”

 

“งั้นยังไม่ทำได้มั้ย” ไม่รู้ว่าอีกคนมาไม้ไหน สายตาหมาน้อยอ้อนถูกงัดขึ้นมาใช้อีกครั้งและทุกครั้งเขาจะต้องแพ้ให้มันทุกที

 

“ระหว่างกาแฟหรือฉันละ”

 

 

“อ่ะ เดี๋ยวก่อน อื้ม” เสียงหอบหายใจดังขึ้นเป็นระยะเพราะความรีบร้อนของอีกคนจนเขาไม่ทันได้ตั้งตัว

 

แคบเกินไป

 

กีกวังบ่นในใจถึงอย่างนั้นเขาก็ท้วงอะไรไม่ได้เมื่อมือของอีกคนขย้ำสะโพกเขาตามแรงอารมณ์มากขึ้นทุกที เบาะคนขับที่จุนฮยองนั่งอยู่เขาที่นั่งคร่อม จมูกโด่งของอีกคนและปากกำลังวนเวียนอยู่กับหน้าอกของกีกวัง

 

“มีหรอในรถ” มือกีกวังกำกลุ่มผมของจุนฮยองเพื่อระบายความเสียวเมื่ออีกคนเริ่มสอดนิ้วเข้าไปในช่องด้านหลัง สะโพกสอบขยับชิดบดเบียดกับอีกคน ขย่มเบาๆเพื่อให้แก่นกายเสียดสีกัน

 

“ไม่มี”

 

“ไม่ได้สิ” แขนคล้องอยู่กับคอถึงกับผละออกทันทีที่เขาถามถึงสิ่งที่ต้องใช้ จุนฮยองจิ๊ปากเล็กน้อยแต่ก็ยอมใส่กางเกงและกลัดกระดุมให้เรียบร้อย

 

เสื้อยืดโอเวอร์ไซต์สีขาวถูกดึงกลับมาที่เดิมเช่นเดียวกับกางเกงวอร์มสีดำของเขาก่อนจะเปิดประตูด้านคนขับเพื่อลงไป ก่อนจะตามมาด้วยเจ้าของห้องอย่างจุนฮยอง

 

 

“อย่าเพิ่งเดี๋ยวคนเห็น” มือหนายังคงวนเวียนอยู่กับเอวของเขาทั้งลูบและขยำอยู่อย่างนั้นตลอดเวลาที่อยู่ในลิฟต์ กีกวังได้แต่ภาวนาให้ถึงเลขชั้นที่ต้องการเร็วๆ

 

“อืม จุนฮยอง” คอขาวถูกซอกไซ้อีกครั้งแม้ว่าจะโดนดันเท่าไหร่อีกคนก็ไม่ยอมละจะลำคอของกีกวังซักที จนกีกวังเริ่มรู้สึกว่าตัวเองหมดแรงเอาดื้อๆ

 

น่ารัก

 

เมื่อมือที่ดันอกเขาอยู่ค่อยๆอ่อนแรงลงตรงข้ามกับลมหายใจของอีกคนที่รู้สึกจะหายใจแรงขึ้น ติดขัดขึ้น มือเขาค่อยล้วงเขาไปในสาบเสื้อของอีกคน ก่อนจะลูบตามหน้าท้องที่เป็นกล้ามของอีกคน

 

ติ้ง

 

เจ้าคนในอ้อมแขนแทบจะวิ่งออกจากลิฟต์ให้ได้ เขาได้แต่ยิ้มขำให้ในเมื่อเจ้าตัวเป็นคนชวนเขาไม่ใช่หรือไงเกิดเขินขึ้นมาซะดื้อๆ

 

ถ้าไม่ติดว่าในรถไม่มีนะ

 

ได้แต่แค้นใจที่ไม่ได้ซื้อเตรียมไว้ในรถคงเพราะเขาไม่คิดว่าจะมีอะไรแบบนี้ในรถบ่อยนัก พอมีขึ้นมาถึงได้ไม่พร้อมกันแบบนี้ไง

 

แกร่ก

 

ปัง

 

“ฮื่อ” ทันทีที่เปิดประตูจุนฮยองดันอีกคนให้ติดประตูก่อนจะประกบปากอิ่มที่ดูเหมือนจะยั่วมากขึ้นเพราะจากเหตุการณ์ในรถที่ผ่านมา

 

ปากหนาค่อยๆแทรกเข้าไปในโพรงปากของอีกคน ลิ้นเล็กกว่าตวัดอย่างรู้งาน กีกวังจูบเก่งกว่าที่ใครหลายคนคิด ถึงจะเป็นแบบนั้นเขาก็ไม่ได้อยากให้ใครมาลองมากนักหรอก

 

มืออยู่ว่างลูบไล้ตามร่างของอีกคนก่อนจะล้วงเข้าไปในเสื้อยืดตัวบางของอีกคน บดขยี้ยอดอกของอีกคนให้ได้ยินเสียงครางในลำคอด้วยความทรมานนั้น

 

“ห้องนอน” จุนฮยองแทบจะอุ้มอีกคนไปในทันทีที่เสียงแหบนั้นกระซิบข้างหูเขา

 

 

 

สิบโมงเช้าแล้ว สำหรับกีกวังยังถือว่าเช้าไปด้วยซ้ำกับคนที่ใช้เวลาช่วงกลางคืนมากกว่า แต่เพราะว่าเหนียวตัวจนทนไม่ไหวเลยต้องพยายามฝืนตัวเองไปอาบน้ำ

 

แล้วค่อยมานอนต่อแล้วกัน

 

เมื่อคืนกว่าที่จะได้นอนก็ตีสามเข้าไปแล้ว

 

เสียงน้ำในห้องน้ำดังพอจะปลุกอีกคนให้ตื่นได้ก่อนจะพบว่าคนที่นอนอยู่ข้างๆไม่อยู่แล้วก่อนจะพาตัวเองลุกบ้าง เพราะเขาแค่รู้สึกว่าตัวเองคงนอนต่อไม่ได้แล้วก็เท่านั้น

 

ยืนเหม่อรอกาแฟที่ไหลมาจากเครื่องจนไม่ได้ยินเสียงเปิดประตูห้องน้ำ กว่าจะรู้ตัวก็ตอนที่อีกคนเดินเข้ามากอดเอวเขาจากด้านหลังแล้ว กลิ่นแชมพูจากอีกคนทำให้เขาต้องหมุนตัวไปหาอีกคนก่อนจะหยิบผ้าเข็ดผมมาเช็ดให้เล็กน้อย

 

ปากอิ่มยื่นเข้ามาประกบกับปากของเขาก่อนจะแทรกลิ้นเล็กเข้ามากวาดความหวาน จูบของกีกวังไม่เคยมีความรีบเร่ง เหมือนกับกีกวังที่ใจเย็น ช้าๆ ค่อยเป็นค่อยไป แต่น่าหลงใหลอยู่เสมอ

 

“ฉันหรือกาแฟละ?”

 

“ไหวหรอ” น้ำเสียงเหมือนจะถามด้วยความเป็นห่วงแต่มือของจุนฮยองกลับไปอยู่ที่แผ่นของอีกคนแล้ว แขนของคนที่อาบน้ำเสร็จแล้วค่อยๆคล้องกับคออีกคนก่อนจะออกแรงดันให้จุนฮยองชิดกับเคาท์เตอร์แทรกขาตัวเองไว้ระหว่างขาของจุนฮยอง

 

“ก็มีเวลาทั้งวันนะ” สายตาที่เจ้าตัวชอบใช้เวลาถ่ายแบบ สายตาที่ชวนเข้าไปค้นหาใกล้ๆน่าเย้ายวน สายตาราวกับเชิญชวนให้จุนฮยองเข้าไปสัมผัสทุกส่วนในร่างกายที่แม้ว่าเขาจะสัมผัสมากี่ครั้งก็ไม่เคยพอ

 

“ทำไมใจดีจังวันนี้”

 

“ก็คิดถึงอ่ะไม่ได้หรอ”

 

“ได้ครับได้ทั้งวันเลย”