Title: my ex
Pairing: DuKwang (Dujun & Gikwang)
Rate: PG
Author: red.bunny
NOTE: เราเป็นคนไม่มีสกิลในการแต่งชื่อเรื่องเลยค่ะ แต่งเนื้อหาได้ตกม้าตายเพราะชื่อเรื่องนี้แหละ55555
คนตัวเล็กกำลังยืนชั่งใจอยู่หน้าร้านเนื้อย่างที่ครั้งหนึ่งสมัยมัธยมเขาจำได้ว่ามันเป็นที่ที่เขาต้องมาทุกครั้งที่แข่งหรือซ้อมเสร็จ แต่วันนี้มันต่างกันออกไป
วันรวมรุ่นของทีมฟุตบอลโรงเรียน
เขาเริ่มคิดว่าจริงๆเขาไม่ควรจะอยู่ตรงนี้แล้วเดินเข้าไปด้านในเท่าไหร่นัก แต่ไม่ทันได้หันหลังกลับเพื่อที่จะได้ไม่ต้องไปพบเจอพวกเพื่อนๆพี่ๆ แขนยาวพาดลงไหล่เขาพร้อมกับเทน้ำหนักแทบทั้งตัวมาให้
“อ้าวไงมาด้วยหราาา” น้ำเสียงที่กวนประสาททำเอาเขาอยากจะเตะรุ่นพี่ซักทีแต่ก็นะตอนนี้เขาทำได้แค่ปล่อยเลยตามเลยให้รุ่นพี่คนนี้ลากเขาเข้าไปในร้าน
“กว่าจะมานะมึง อ้าวกีกวัง” คนด้านในดูจะฮือฮาไม่น้อยที่เขามา อีกีกวังนายแบบเสื้อผ้าในเว็บไซต์ที่กำลังเป็นที่พูดถึงกำลังมางานเลี้ยงรุ่นทีมฟุตบอลโรงเรียน เขาโค้งสวัสดีพี่ๆก่อนจะหาที่นั่งให้กับตัวเอง
สายตาคมที่กำลังจ้องเขาอยู่ทำเอาเผลอชะงักตัวเองไปชั่วครู่
ใช่สิเขาลืมไป
ว่าอดีตกัปตันทีมจะไม่มาได้ยังไง
“นั่นไงที่ว่างข้างดูจุนอ่ะไปนั่งดิกีกวัง” รุ่นพี่ที่พาเขามาพูดจบประโยคเสร็จก็โดนฝ่ามือของรุ่นพี่อีกคนฟาดเข้ากลางหัวพอดี
“มึงลืมรึไงว่าสองคนนี้”
“เออวะ”
“ไม่เป็นไรครับผมนั่งได้” เพราะไม่อยากให้รุ่นพี่ลำบากมากนักเลยตัดสินใจพาตัวเองไปนั่งที่ข้างๆกับอดีตกัปตันทีมโรงเรียน
ยุนดูจุน
กำลังมองคนที่นั่งลงข้างๆกับเขาก่อนจะพงกหัวรับแก้วใบเล็กมายกดื่มให้หมดภายในอึกเดียวตามมารยาท ก่อนเจ้าตัวจะโดนถามไถ่อะไรไปต่างๆนาๆ
อีกีกวังเรียนอยู่มหาวิทยาลัยศิลปะเช่นเดียวกับเขา แต่กีกวังเรียนวาดภาพส่วนเขาเรียนการแสดง จึงแทบจะไม่ได้เจอกันเลยแม้ว่าจะเรียนที่เดียวกัน
ไม่ได้เจอกันเลยตั้งแต่เลิกกันไป
งานเลี้ยงรุ่นดำเนินมาร่วมสามชั่วโมงแล้วเริ่มมีคนทยอยกลับไปเรื่อยๆ คนที่เหลือส่วนใหญ่ก็เป็นพวกที่สนิทสนมกันและหัวหลักในการจัดงานวันนี้
กีกวังเองก็อยากกลับเต็มทีแล้วติดตรงที่เขาโดนรั้งไว้ไม่ให้กลับซักที
แม้ว่าจะนั่งข้างกันพูดคุยกับคนทั้งงานแต่กับคนข้างตัวเขายังไม่ได้ทักกันซักคำเลย เสี้ยวหน้าของอีกคนที่ทำให้เห็นสันกรามอย่างชัดเจนจนอดคิดไม่ได้ว่าอีกคนต้องลดน้ำหนักลงมามากขนาดไหน
เมื่อก่อนยังไม่เห็นสันกรามชัดขนาดนี้เลยนะ
“มันหล่อขึ้นหรอกีกวังจ้องขนาดนั้น” เสียงรุ่นพี่ที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามกันคนอายุน้อยที่สุดในโต๊ะให้พาลสะดุ้งแต่ก่อนจะลากสายตาออกจากหน้าอีกคนได้ ตาคมของอีกคนก็หันมาสบกับกีกวังพอดี
“พี่ดูจุน”
“…”
“ผอมลงมากเลยนะครับ”
“ฮิ้วๆ ถ่านไฟเก่าเว้ยยย” เพราะความเมาทำให้คนอื่นไม่ได้ยินเสียงของรุ่นพี่คนนี้ ยังดีที่กีกวังพอจะครองสติได้บ้างคงเพราะคนข้างๆอีกนั่นแหละที่ช่วยเขาดื่ม แม้จะไม่ได้เอ่ยแต่ทุกครั้งที่มีแก้วโซจูถูกยื่นไว้ข้างๆเมื่อเขาหันไปมันก็หมดทุกที
“เออกูถามจริงเถอะ”
“อะไร” ดูเหมือนว่าดูจุนจะเริ่มรำคาญไอเพื่อนที่เมาแล้วพูดมากคนนี้เหลือเกิน แต่ถ้ายังไม่ตอบก็ยิ่งจะโดนเซ้าซี้เขาถึงต้องมาตอบมันอยู่นี้ไง
“พวกมึงไปคบกันยังไงวะ”
“เออจริงว่ะ มาถึงก็เปิดตัวเลย ยังไม่ทันรู้ไปคบกันยังไง” ดูจุนได้แต่กลอกตาเล็กน้อยเขาไม่น่าเปิดโอกาสให้มันพูดเลยจริงๆ
“เรื่องมันเก่าละพูดทำไมวะ”
“ น้องกีกวังเล่าให้พี่ๆฟังหน่อยสิ้” เขาเหลือบมองคนข้างๆที่เอาแต่มองคนนั้นคนนี้ไปมาก่อนจะส่งยิ้มหวานพลางส่ายหน้าให้
เรื่องอะไรเขาจะต้องเล่าเรื่องแบบนี้ให้คนอื่นฟังวะ
“พี่ดูจุนครับผมชอบพี่” เด็กชายตัวกลมนิดๆให้เดาจากชุดที่ใส่แล้วน่าจะอยู่ที่ม.ต้นกำลังยื่นขนมสารพัดอย่างให้เขา ใบหน้าขาวขึ้นริ้วแดงที่แก้มชวนให้อยากจะเอามือลงไปจิ้มไม่หยอก
“ทำไมชอบพี่ละ” เขาไม่ใช่คนโง่ที่ไม่รู้ตัวว่าตัวเองค่อนข้างป็อบพอสมควร คนสารภาพรักกับเขาก็เยอะแต่เขายังไม่สนใจเรื่องแบบนั้นมากนัก อาจจะเพราะมีแต่คนชอบแต่ภาพลักษณ์เขาละมั้งเขาเลยยังไม่เลือกใครซักคนอยู่ดี
“พี่เท่นี่ครับ” นั่นไง เหตุผลเดิมๆแต่เมื่อดูจุนกำลังจะพูดปฏิเสธอีกคนเจ้าตัวกลับพูดขึ้นมาขัดเขาซะอย่างนั้น
“เมื่อก่อนผมไม่มีความคิดอยากจะออกกำลังกายเลยซักนิด แต่เมื่อปีที่แล้วที่พี่ได้ทำประตูให้กับโรงเรียนเรา” เสียงหวานพูดถึงงานกีฬาประจำปีที่โรงเรียนเขามักจะจัดแข่งกับอีกหลายๆโรงเรียนและเขาเป็นที่ทำประตูให้โรงเรียนเป็นแชมป์ได้ ตาใสเป็นกายเมื่อนึกถึงช่วงเวลานั้น
“มันทำให้มอยากจะออกวิ่งซักที แล้วผมก็เริ่มทำ”
“….” ดูจุนยังคงมองหน้าอีกคนที่พูดถึงตัวเขาและเจ้าตัวเองด้วยอารมณ์แบบไหนเขาก็ไม่เข้าใจ
“แต่ผมก็ไม่ได้หวังให้พี่รับรักผมนะครับ”
“…”
“รอไว้ผมผอมเมื่อไหร่ผมจะมาสารภาพรักกับพี่อีกทีนะครับ”
“ไม่ต้องหรอก”
“ห้ะ”
“คบกันตอนนี้แหละเดี๋ยวผอมขึ้นมาคนชอบเยอะฉันก็แย่สิ” จำได้ว่าตอนนั้นดูจุนคิดแค่ว่าอยากให้เจ้าเด็กคนนี้ผอมดูซักครั้งอย่างน้อยมันก็ดีต่อสุขภาพเจ้าตัวเอง ไม่ได้คิดเลยว่าช่วงเวลาที่คบกันจะยาวนานขนาดนี้
“พี่ดูจุนนน” เสียงหวานที่คุ้นเคยดังขึ้นก่อนเจ้าตัวซะอีก รอยยิ้มหวานที่มีให้เขาตั้งแต่วันแรกจนตอนนี้ผ่านมาหนึ่งปีแล้วมันยังคงอยู่และมีให้เขาเสมอ
เด็กตัวกลมได้หายไปแล้วเหลือแค่อีกีกวังตัวเล็กคนนี้ เจ้าตัวตัวเล็กกว่าที่ดูจุนคิดไว้จำได้ว่าพอเริ่มคบกันกีกวังขอให้เขาปิดสถานะพวกเขาไว้ บอกแค่ว่าให้พากีกวังเข้าชมรมเพราะอย่างลดน้ำหนัก
ไปๆมาๆกลายเป็นผู้เล่นเบอร์10 ผู้เล่นที่สามารถเล่นได้ทุกตำแหน่งได้เป็นอย่างดี
“มานี่สิ” กีกวังเดินตามรุ่นพี่เขา1ปีอย่างดูจุนไปตามทางซึ่งเขาคุ้นเคยเพราะเข้ามาตลอด 1 ปีที่ผ่านมาอย่างห้องชมรมฟุตบอลเอง
“อ่ะ” มือใหญ่กว่ากุมมือเล็กก่อนจะกระชับแน่นไม่ให้อีกคนปล่อย อีกข้างของคนเป็นพี่ค่อยๆเปิดประตูก่อนจะพูดประโยคที่ทำให้คนทั้งห้องช็อครวมไปถึงกีกวังเองด้วย
“เฮ้ยพวกมึง กูกับกีกวังเป็นแฟนกันแล้วนะ” วันนั้นไม่ได้ซ้อมดีๆเลยเพราะทุกคนล้วนเวียนมาถามเขาว่าไปคบกันตอนไหน คบกันเมื่อไหร่ จบการซ้อมวันนั้นด้วยการไปกินเนื้อย่างที่ร้านนี้ร้านเดิมเพื่อฉลองที่กัปตันคนหล่อมีแฟนซักที
“อร่อยมากเลยละสิ” ดูจุนเอ่ยขึ้นก่อนจะยื่นมือไปเช็ดมุมปากให้กับอีกคนที่กินไอศกรีมจนเลอะ เสร็จก็เท้าคางมองอีกคนเหมือนเดิม
“พี่ไม่กินหรอ” หลังจากผงกหัวขอบคุณเจ้าคนที่เอาแต่กินถามคนที่นั่งตรงข้ามเขาว่าทำไมถึงปล่อยให้เขากินคนเดียวแบบนี้
“ไม่ละเดี๋ยวอ้วน”
ผัวะ
ไวกว่าความคิดเมื่อมือของกีกวังฟาดลงบนแขนอีกคนอย่างพอดิบพอดี ให้ตายสิตั้งแต่เขาน้ำหนักลงมากขึ้นจนตอนนี้อีกคนต้องพามาขุนเนื่องจากผอมเกินไปแล้วมาบ่นต่อหน้าเขาว่าจะอ้วนแบบนี้ได้ยังไงกัน
“ปากเสีย”
“หมายถึงพี่ไงไม่ใช่เราซักหน่อย”
“เออไม่รู้แหละ” ช้อนคันเล็กถูกยื่นมาตรงหน้า ดูจุนก็ยังส่ายหน้าให้อีกคนเหมือนเดิมเพราะเขาไม่อยากจะกินจริงๆแต่อีกคนเริ่มให้ไม้ตายอีกครั้ง
“ไม่กินจริงๆหรอครับ” เสียงอ่อยๆพร้อมกับสายตาหมาน้อยแบบนี้มีหรือที่ยุนดูจุนจะใจแข็งอยู่ได้ ปากเขาค่อยๆงับเอาเจ้าไอติมในช้อนคันเล็กมา ก่อนจะเห็นยิ้มหวานจากกีกวังเป็นรางวัล
“ไงอร่อยมั้ย” ตาใสเบิ่งกว้างเมื่ออยู่อีกคนก็ทาบริมฝีปากกับเขา มือใหญ่จับตรงคางอีกคนให้ปากอิ่มเปิดออกเล็กน้อยก่อนจะส่งลิ้นเข้าไปสำรวจโพรงปากหวานของอีกคน
“อร่อยมั้ยละ” แล้วดูจุนก็ได้ขนมตุ๊บตั๊บมาชุดใหญ่ข้อหาจูบเจ้าตัวในที่สาธารณธและยังไม่ทันได้ตั้งตัว
“งี้ถ้าตั้งตัวก็ทำได้สิ โอ๊ย” ยัง ยังไม่เข็ดอีก
“งั้นกูเปลี่ยนคำถามก็ได้” เมื่อว่าเพื่อนเขาจะยังไม่เลิกไม่ลา ดูจุนเลยต้องหันมาถามอีกคนที่นั่งข้างๆเขาแทนที่จะสนใจเพื่อนเขาแล้ว
“จะกลับเลยมั้ยเดี๋ยวไปส่ง”
“พวกมึงเลิกกันได้ไงวะ” แก้วในมือของกีกวังแทบหล่น แม้จะคิดอยู่แล้วต้องมีคนถามแน่ๆแต่เขาไม่พร้อม ไม่อยากจะตอบเท่าไหร่นัก
มันไม่ใช่เรื่องที่น่าป่าวประกาศเท่าไหร่นัก
“กูขี้เกียจตอบ พูดมากขนาดนี้ไปจ่ายตังเลยนะมึง” มือใหญ่คว้าข้อมือเล็กของคนข้างๆก่อนจะพาออกไปจากร้านจากสถานการณ์อึดอัดแบบนั้นให้เป็นสวนสาธารณะใกล้ๆแทน
ความเงียบถูกปกคลุมแทนความวุ่นวายเมื่อครู่ มือเล็กหยิบเครื่องมือสื่อสารก่อนจะส่งข้อความไประหว่างที่รอดูจุนเคลียร์ค่าใช้จ่ายแล้วค่อยๆออกเดินไปยังสวนสาธารณะใกล้
“สบายดีมั้ยครับ” มีคำถามมากมายที่อยากจะถามแต่สุดท้ายกีกวังก็เลือกคำถามที่ดูโง่ที่สุดมาถาม อีกีกวังยังไงก็คืออีกีกวังที่ดูจุนรู้จักมาตลอดสามปี
“อื้มก็ดีแต่เหนื่อยหน่อย”
“ผอมลงมากเลยนะครับ”
“อื้ม” กีกวังเริ่มเบนสายตามามองมือตัวเองแทนเมื่อบทสนทนาจบลงเร็วกว่าที่คิดไว้ ปากอิ่มค่อยๆเม้มเข้าหากัน เขากำลังลังเลว่าควรพูดดีมั้ย
“คิดถึงนะ” เป็นเสียงทุ้มของคนข้างๆที่ชิงพูดก่อนเขา ตาใสเบิ่งกว้างเล็กน้อยไม่รู้ว่าเจ้าตัวกำลังคิดอะไรอยู่ แม้จะรู้ว่ากีกวังนิสัยแบบไหนแต่เขาเดาอามรณ์กีกวังตอนนี้ไม่ได้เลย
ความผิดอาจจะเป็นที่เขาก็ได้
“ก็แค่เพื่อนอ่ะ”
“เพื่อนหรอใกล้กันขนาดนั้น เพื่อนทำไมไม่จูบกันไปเลยละ”
“พี่ดูจุน!!” ก่อนหน้าที่จะครบรอบสามปีในไม่กี่วันพวกเขาทะเลาะกันอีกแล้ว ดูจุนกลายเป็นหนุ่มมหาวิทยาลัยส่วนกีกวังก็เป็นเด็กไฮสคูลปีสุดท้าย
ความเครียดในการปรับตัวเข้ากับสังคมใหม่การเรียนแบบใหม่ของดูจุน กับ ความเครียดที่จะต้องสอบเข้าและติดเพื่อนของกีกวังทำให้มันกลายเป็นปัญหามาโดยตลอด
ทุกๆครั้งที่เจอพวกเขาจะต้องทะเลาะกันไม่เรื่องใดก็เรื่องหนึ่งทุกครั้ง
“พูดจริง จูบมันไปเลยดิ”
ผัวะ
หมัดเล็กแต่แข็งแรงกระทบกับแก้มขวาของคนอายุมากกว่าด้วยแรงโทสะ เขาเหลือทนแล้วที่จะต้องมาฟังอีกคนมาพูดแดกดันเขาแบบนี้ กีกวังค้นกระเป๋าก่อนจะหยิบข้าวของทุกอย่างที่ดูจุนเคยซื้อให้รวมไปถึงกระเป๋าใบนั้นแล้ววางมันไว้เบาะหลังรถ
“พอเลิกเถอะ”
“…”
“ไม่ไหวแล้วว่ะพี่ ถ้าทุกครั้งที่เราเจอกันต้องทะเลาะกันแบบนี้” ตาใสวาวกว่าเดิมเพราะน้ำใสๆในตาแต่เจ้าตัวพยายามกลั้นมันไม่ให้ไหลลงมา
อย่างน้อยก็ต่อหน้าดูจุนไม่ให้มันไหลก็พอ
“ผมก็เบื่อแล้วที่ต้องเป็นแบบนี้”
“เอองั้นก็เลิกกันไปเลย” เพราะยังมีความโกรธที่คงค้างทำให้ดูจุนพูดตอบรับไปโดยไม่แม้แต่จะทำการปรับความเข้าใจกันแม้แต่น้อย คนตัวเล็กได้ยินคำตอบนั่นชัดเจนเต็มสองหูมือเล็กค่อยๆกำหมัดแน่นเพื่อสะกดอารมณ์ตัวเอง
“เออ” กีกวังเดินออกมาจากรถคันนั้นพร้อมๆกับความสัมพันธ์ของพวกเขาที่จบลง
“แค่คิดถึงตอนนั้น”
“…”
“แล้วก็คิดถึงมาตลอด” หลังจากที่เลิกกันดูจุนก็เข้าใจว่าการที่ไม่มีคนตัวเล็กมันไม่โอเคเหมือนที่คิดไว้เลย เขาอยากได้อีกคนกลับมาเหมือนเดิมแต่เพราะทิฐิของเขาเองทำให้เขาเองไม่กล้าที่จะไปหา พูดคุยหรือเจอหน้าเท่าไหร่
วันนี้คงเป็นโอกาสเดียวของเขาแล้ว เขาดีใจมากแค่ไหนที่เห็นอีกคนก้าวเข้ามาในร้านแถมยังเลือกที่จะนั่งข้างเขาอีกมันพอจะทำให้เขากล้าที่จะทำในสิ่งที่เขาควรทำมาตั้งนานแล้ว
“กีกวัง” เสียงใครบางคนกำลังเรียกคนตัวเล็กจากที่ไม่ห่างกันมาก กีกวังเหลียวไปมองตามเสียงเล็กน้อย
“พี่จุนฮยอง” ยงจุนฮยอง เจ้าของแบรนด์เสื้อผ้าที่กีกวังกำลังเป็นแบบให้อยู่แม้จะอายุเท่ากับดูจุนแต่อีกคนสามารถทำแบรนด์ของตัวเองออกมาให้เป็นที่ต้องการของตลาดได้อย่างรวดเร็ว
เป็นคนที่เก่งคนหนึ่ง
เพราะแบบนี้สินะกีกวังถึงไปเป็นแบบให้ ท่าทางสนิทสนมพอจะบอกให้ดูจุนถอยออกมาอยู่เงียบๆก่อนจะตัดสินใจหันหลังแล้วเดินกลับไป
“คนนั้นนะหรอดูจุน” หัวกลมพยักหน้าให้กับคำตอบของจุนฮยอง คนตัวสูงกว่าขมวดคิ้วก่อนจะจับไหล่ของกีกวังไว้ให้อีกคนหันมามองเขา
“แล้วทำอะไรอยู่”
“ทำไมไม่ไปหาเขาละ” ทำไมจุนฮยองจะไม่ได้ยินที่ดูจุนพูดกับกีกวัง ทั้งที่ก็รู้ว่ากีกวังรู้โอกาสแบบนี้มานานขนาดไหนทำไมถึงปล่อยไปแบบนี้กันละ
“ถ้าแกไม่ตามเขาไปพี่จะไม่ให้ฮงกีมันรับแกเป็นน้อง” กีกวังได้แต่เบ้ปากให้อีกคน ตาใสมองแผ่นหลังของดูจุนด้วยท่าทางลังเลใจ จุนฮยองถอนหายใจทีหนึ่งก่อนจะพูดในสิ่งที่เขาคิดจริงๆ
ใช่ เขากับกีกวังกำลังมีอะไรบางอย่าง อย่างน้อยก็แค่คุยๆกันอยู่แต่เขาก็พอรู้ว่าเขาพัฒนาความสัมพันธ์นี้เกินพี่น้องไม่ได้เลย ในเมื่อเขาสู้คนในใจที่มีอยู่มาตลอดไม่ได้เลย
“พี่ไม่เป็นไร”
“กีกวังไปเถอะ” คนตัวเล็กโค้งขอโทษให้จุนฮยองก่อนจะตัดสินใจวิ่งไล่ตามหลังของดูจุนที่เหมือนจะไกลจนแทบมองไม่เห็น
อย่างน้อยก็ทำให้เขาได้รู้ว่ากีกวังคงจะมีความสุขแน่ๆต่อจากนี้
สกิลนักฟุตบอลที่มีติดตัวมาทำให้เขาไล่ตามอีกคนได้ไม่ยากแต่จะคลาดกันก็ตอนที่จะข้ามถนนนี่แหละ
“พี่ดูจุน” เจ้าของชื่อค่อยๆหันกลับมามองก่อนจะตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเป็นกีกวังเองที่เป็นคนเรียก ยังไม่พอมือเล็กยังเข้ามากุมมือเขาไว้ก่อนจะพากันเกินข้ามถนนตามสัญญาณไฟ
“กีกวัง? ทำไมไม่กลับบ้าน”
“พี่บอกคิดถึงผมไม่ใช่หรือไง”
“ก็ใช่”
“ก็แค่อยากจะบอกว่า” กีกวังกระชับมือที่กุมอีกอยู่ให้เป็นการประสานมือกันก่อนจะเดินไปตามท้องถนนที่แม้จะดึกมากแล้วแสงไฟที่เหลือตามข้างทางกลับทำให้กีกวังอดยิ้มออกมาไม่ได้
“ว่าอะไรละ”
“ว่าคิดถึงเหมือนกันนะ”
THE END