Title: i hate u, i love u
Pairing: YangYoseob x LeeGikwang
Rate: PG
Author: red.bunny
NOTE : เราชอบพิมพ์ไปแล้วคิดชื่อไม่ออกเลยได้ชื่อเห่ยๆแบบนี้แหละค่ะ / เวลาอ่านเรื่องไหน แม้แต่เราแต่งเองอีกีกวังกับยังโยซอบมักจะเป็นเพื่อนกันเสมอ ถ้าไม่ละ…แต่งเยอะกว่าแต่งจุนกวังอีกค่ะ ร้องหั้ย5555555 18 หน้าค่ะ5555555555555555555555555
ยังโยซอบ ปี3 เด็กหนุ่มหน้าตาน่ารักจากมหาวิทยาลัยศิลปะKK ทั้งทักษะการร้องเพลงที่ยอดเยี่ยมจนใครก็อยากได้ร่วมวงด้วย คะแนนด้านการเรียนที่อยู่ในระดับท็อป3 ของสาขาร้องเพลง บุคลิกที่เย่อหยิ่งกลับทำให้ใครต่อใครก็ยอมอยากจะเป็นทาสของยังโยซอบทั้งนั้น
“เฮ้ ขอนั่งด้วยคนสิครับ” เสียงทุ้มดังขึ้นตรงหน้าของโยซอบเอง วันนี้เป็นอีกวันที่เขากับเพื่อนมาหาอะไรทำแก้เบื่อด้วยอำนาจเงินของพ่อแม่แล้วเรื่องการเข้าสถานบันเทิงทุกวันไม่เป็นปัญหาสำหรับเขาอยู่แล้ว ถ้าหากเขายังสามารถรักษาการเรียนได้เป็นอย่างดี
คนตัวเล็กเผลอมองอีกคนเล็กน้อยก่อนจะยิ้มบางเมื่อรู้ว่าอีกคนเป็นใคร
ยงจุนฮยอง ลูกชายเจ้าของสถานบันเทิงแห่งนี้และยังรวมไปถึงอีกสามสี่ที่ตามจังหวัดต่างๆ เจ้าชู้เป็นที่หนึ่ง ถึงอย่างนั้นใครหลายคนก็ยังยอมที่จะได้นอนบนเตียงห้องวีไอพีชั้นบนสุดของโรงแรมแห่งนี้ที่จุนฮยองเองก็เป็นเจ้าของอยู่
ชายหนุ่มที่มาด้วยเสื้อเชิ้ตแขนยาวลายที่เปิดให้เป็นรอยสักตรงหน้าอกกับกางเกงยีนส์สีดำนั่งลงข้างๆกับเขา โต๊ะวีไอพีที่ดูเหมือนว่าเพื่อนๆเขาจะทิ้งให้เขาอยู่คนเดียวแล้วไปที่ฟลอร์เต้นกันหมด
“มากันเยอะหรอครับ” เมื่อเห็นว่าโต๊ะวีไอพีของโยซอบแทบจะเหมือนมากันสิบถึงแปดคนได้
“ไม่หรอกครับมากันสี่คนเอง” มือเล็กจับแก้วของตัวเองที่ยังมีน้ำสีอำพันมาจิบก่อนจะเท้าคางมองอีกคนเล็กน้อย
“แล้วตอนนี้เพื่อนไปไหนหมดละครับ” จุนฮยองค่อยๆยื่นหน้าเข้ามาใกล้กับอีกคน จมูกโด่งคลอเคลียอยู่ข้างหูจนโยซอบรู้สึกได้ถึงลมหายใจของอีกคน
“อื้ม อย่าทำแบบนี้สิครับ” เขาทำเป็นเบี่ยงตัวหลบเล็กน้อยก่อนจะถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้เขยิบตัวที่แทบจะเกยขึ้นตักอีกคนให้ห่างเลย
“พรุ่งนี้มีเรียนเช้ามั้ยครับ”
“อือ ถึงมีผมก็ตื่นทันครับ”
แต่ก่อนที่จะได้ไปถึงไหนต่อไหนเสียงฮือฮาจากฟลอร์เต้นชั้นล่างก็เปลี่ยนความสนใจของคนทั้งสองคนแทน
“กีกวังมาหรอ”
“ใช่เห็นว่าเต้นอยู่ข้างล่างแหนะ” เสียงพูดคุยที่เดินผ่านโต๊ะของพวกเขาไปทำให้โยซอบเลิกคิ้วเล็กน้อย
อีกีกวังมาทำอะไรที่นี่
อีกีกวัง นักศึกษาชั้นปีเดียวกับเขาแต่คนละสาขา ชายหนุ่มที่ได้รับเลือกให้แสดงงานของคณะทุกปี ดาวเด่นของสาขาการแสดง บวกกับความสามารถในการเต้นและการเล่นกีฬาที่ไม่ธรรมดาทำให้เจ้าตัวมีคนรายล้อมอยู่พอสมควร รอยยิ้มหวานและความอัธยาศัยดีที่ให้ใครๆก็อยากเข้าใกล้
เขาว่ากันว่าเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้
เหมือนกับยังโยซอบกับอีกีกวัง
ทุกคนอยากเข้าใกล้แต่ไม่ใช่ยังโยซอบคนนี้ เขาเกลียดรอยยิ้มและตายิ้มของอีกีกวัง
แสแสร้งซะไม่มี
เพราะแบบนั้นไม่ว่าที่ไหนจะคลับหรือผับแทบจะไม่มีทางที่กีกวังกับโยซอบจะมาที่เดียวกันได้ ยกเว้นคืนนี้ที่ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะใจตรงกันมาที่นี่
“พี่เข้าตัวแปปนะครับ” อยู่ๆจุนฮยองก็ขอตัวไป เขาพอจะรู้ว่าอีกคนไปไหนจนเผลอกำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว
ใครๆก็อยากเห็นกีกวังเต้นทั้งนั้น
ไม่ใช่แค่ท่วงท่าที่ทำให้ชวนมองแต่เป็นสายตาของอีกคนที่เหมือนกำลังยั่วยวนให้เดินเข้าไปลูบไล้ส่วนต่างๆในร่างกายของอีกคน แม้ว่าอีกคนจะใส่แค่เสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงสกินนี่ยีนส์สีดำก็พอจะทำให้รู้สึกเซ็กซี่ได้
หลังจากเต้นเสร็จเขาก็เดินมาหาเพื่อนๆที่ตรงเคาท์เตอร์เป็นที่เรียบร้อย ก่อนที่เครื่องดื่มจากบาร์เทนเดอร์จะส่งมาให้เขาโดยเฉพาะ
“ผมไม่ได้สั่งนี่ครับ” กีกวังทำหน้างงเมื่อบาร์เทนเดอร์ยังคงยืนยันว่าเป็นของเขาจริงๆ เขาเป็นประเภทเที่ยวแต่ไม่ดื่มเท่าไหร่ เพื่อนๆก็พอจะรู้อยู่ว่าลิมิตเขาอาจจะแค่คอกเทลสองแก้วซะด้วยซ้ำ แต่นี่คอกเทลที่ดีกรีค่อนข้างแรงถูกส่งมาตรงหน้าเขา
“ผมสั่งให้เองครับ” จุนฮยองเท้าแขนกับโต๊ะก่อนจะประจันหน้ากับอีกคน กีกวังยิ้มหวานให้พลางเอ่ยขอบคุณก่อนจะจิบเล็กน้อยเพื่อมารยาท แต่พออีกคนเลิกคิ้วให้เป็นเชิงวันช็อตเขาถึงจำใจดื่มให้หมด
“ไม่คิดนะครับว่าแค่ไปเต้นก็ได้ของฟรีซะแล้ว” คนตัวเล็กกว่าเอ่ยทีเล่นทีจริงให้เจ้าของที่แห่งนี้ จุนฮยองยิ้มกลับเล็กน้อยขยับตัวเองมาใกล้ๆแล้วกระซิบข้างหูอีกคน
“ทำไมไม่ลองมาเต้นให้ผมดูแบบส่วนตัวบ้างละครับ” กีกวังยิ้มตาหยีให้ก่อนจะเปลี่ยนประเด็นไปเป็นอย่างอื่นบ้างก่อนจะชวนอีกคนไปที่ฟลอร์เต้นอีกครั้ง จนไม่แน่ใจว่าจุนฮยองหรือกีกวังกันแน่ที่โชคดีมากกว่ากัน
“กลับดีๆละ” กีกวังโบกมือลากับเพื่อนๆที่หน้าผับหลังจากที่เลยเวลามามาก เขาปฏิเสธที่จะขึ้นไปบนชั้นสูงสุดของตึกวันนี้กับจุนฮยอง คงเพราะการซ้อมบอลวันนี้เล่นงานเขาจนพลังงานแทบไม่เหลือแล้วที่ไปเต้นบนฟลอร์นั่นก็เพราะเขาไปท้ากับเพื่อนไว้หน่ะสิ
“ดึงความสนใจของจุนฮยองมาจากโยซอบให้ได้” ก็แค่นั้น
“เว้ยทำไมมันเปิดไม่ได้ซักที” เสียงโหวกเหวกโวยวายจนกีกวังต้องหันไปมองก่อนจะพบคนที่เขาไม่ค่อยอยากจะเจอเท่าไหร่กำลังทะเลาะอยู่กับรถยนต์อยู่
ก็มันจะเปิดได้ไงในเมื่อมันคนละคันกันหน่ะ
เสียงจากรถยนต์ของเจ้าตัวยังทำงานได้ดีเพียงแต่เจ้าของดันยืนอยู่ผิดตำแหน่งไปซักหน่อย
พูดไปก็เท่านั้นเหมือนอีกคนจะเมาได้ที่แล้วกำลังทุบกระจกรถคนอื่นอยู่อย่างนั้น กีกวังเลยจำใจต้องไปช่วยในเมื่อเขาเหลียวมองแถวนี้มันเหลือแต่เขาแล้วจริงๆ
ก่อนที่กระจกนั้นจะแตกเป็นเสี่ยงๆเพราะแรงของคนเล่นมวยเป็นการออกกำลังกาย
“นี่ รถนายอ่ะคันนู้น” กีกวังคว้าข้อมืออีกคนไปยังรถของเจ้าตัวได้เรียบร้อยก่อนจะหมุนตัวกลับแต่ต้องหันกลับมาอีกครั้งเมื่อเจ้าของรถคล้าแขนเขาไว้
ให้ตายสิ อีกคนมีแรงเยอะขนาดนี้เลยรึไง
“กีกวัง?”
“ก็ใช่หน่ะสิ”
“เหอะ” กีกวังขมวดคิ้วมองอีกคนที่แทบจะเอาหน้ามาชนเขาอยู่แล้ว อยู่ๆก็พ่นลมหายใจใส่เขาซะเฉยๆ เขาว่าสภาพแบบนี้ไม่ต้องพูดถึงว่าจะขับรถยังไง ถามว่าจะเข้ารถตัวเองได้มั้ยยังไม่รู้
“ฉันเกลียดนาย”
“รู้แล้ว” กีกวังตอบเพียงแค่นั้นก่อนจะหันไปสนใจท้องถนนต่อไป ขอบคุณที่โยซอบเอาคีย์การ์ดคอนโดของตัวเองไว้ในกระเป๋ากางเกงพอดีกีกวังเลยพอจะรู้ว่าอีกคนอยู่ที่ไหน
ไปส่งถึงห้องก็พอ
คิดได้แค่นั้นก็ตั้งใจขับรถต่อไปแต่เหมือนคนที่นั่งข้างเขาจะเริ่มอยู่ไม่สุกเมื่ออีกคนเริ่มเร่งแอร์เพิ่ม จนเขาต้องเอามือขึ้นมาหยุดอีกคน ไม่ทันได้ชักกลับเจ้าตัวก็คว้ามือเขาไป
“ฉันเกลียดนายอีกีกวัง” แถมยังพูดกับฝ่ามือเขาอีกต่างหาก
“ทำไมถึงเกลียดฉันละ” จำไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงถูกอีกฝ่ายเกลียดแถมยังแสดงท่าทางว่าไม่แม้แต่อยากจะเฉียดใกล้เขา พอเป็นแบบนั้นเขาเองก็ไม่อยากมีปัญหาถึงได้พยายามไม่อยู่ใกล้วงโคจรของอีกคนเช่นกัน
“ตอนปี1 นายมองฉัน” กีกวังยังคงงุนงงว่าอีกคนต้องการพูดอะไร ยังโยซอบก็ยังพล่ามต่อไป
“นายมองฉันเหมือน”
“…”
“เหมือนกับขยะแขยง” โยซอบจำสายตาตอนนั้นได้ที่เขากำลังเล่นกับเพื่อนๆในสาขาเกี่ยวกับเพลงเซ็กซี่เพราะความสนุกเกินเหตุจนอะไรหลายๆอย่างมันเลยเถิดที่ห้องดนตรีนั้น บังเอิญกับที่กีกวังกำลังเดินผ่านจากการไปซ้อมกีฬามาพอดี สายตาที่บังเอิญสบกับเขา
สายตาที่มองด้วยความรังเกียจ ขยะแขยง จนโยซอบเองก็หมดอารมณ์แล้วหนีกลับบ้านทันที
แม้เขาจะแปลกใจกับตัวเองเหมือนกันว่าทำไมยังเอาสายตาคู่นั้นเก็บมาคิด
“ฉันขอโทษแล้วกัน” นิ้วชี้ของเจ้าของรถทาบลงบนริมฝีปากอิ่มเป็นเชิงให้เงียบ
“แต่ช่างมันเถอะ” เพียงเท่านั้นบทสนทนาก็ไม่มีการต่อใดๆอีกจนกระทั่งถึงคอนโดของโยซอบ
“ยังโยซอบ”
“โยซอบ” เสียงที่ค่อยๆแทรกเข้ามาในโซนประสาทของเจ้าของชื่อ โยซอบค่อยๆลืมตาก่อนจะพบหน้าของกีกวังที่กำลังเรียกเขาอยู่
“ถึงคอนโดนายแล้วนะ” โยซอบพยักหน้าเชิงรับรู้ก่อนจะเดินไปทางประตูคอนโดทันทีจนลืมไปว่าคีย์การ์ดอยู่ที่กีกวังเอง
“ห้องอะไรชั้นอะไรเดี๋ยวไปส่งละกัน”
“เรียบร้อย” แทบจะเรียกว่าทุ่มอีกคนลงโซฟาแล้วเมื่อกีกวังสามารถพาคนเมาให้มาถึงเตียงได้ น้ำหนักที่แทบจะพอกันแถมอีกคนไม่คิดจะช่วยเขาลงแม้แต่น้อยเทน้ำหนักมาที่เขาฝ่ายเดียว ก็เหมือนเขากำลังแบกกระสอบน้ำหนัก50กว่าๆกิโลคนเดียวขึ้นมา
“ไปละนะ” กีกวังเอ่ยกับคนบนเตียงเหมือนจะสลบไปแล้วก่อนจะตัดสินใจกลับบ้านบ้าง พรุ่งนี้คงลาคาบเช้าอีกแน่ๆแบบนี้
หมับ
ไม่รู้ว่าอีกคนเอาแรงมาจากไหนมือของคนที่นอนอยู่คว้าที่ข้อมือกีกวังแล้วลากให้มานอนด้วยกันในสภาพที่ค่อนข้างล่อแหลมสำหรับกีกวังเอง เมื่ออีกคนกำลังเท้าแขนคร่อมเขาอยู่พลางหายใจรดเขา
กลิ่นแอลกอฮอล์จากอีกคนทำให้คนที่คออ่อนมึนได้ง่ายๆ กะจะถีบอีกคนให้ตกเตียงไปแต่ขาของโยซอบกำลังทาบลงจนขยับตัวแทบไม่ได้
“จูบกับนายแล้วจะเป็นยังไงกัน” ไม่ว่าเปล่าปากบางทาบลงปากอิ่มของกีกวังโดยทันทีเพราะไม่ทันได้ตั้งตัวทำให้ลิ้นของคนที่คร่อมอยู่สอดเข้าไปในโพรงปากของอีกคนได้โดยง่าย
ไม่เคยรู้ว่ายังโยซอบดื่มเก่งขนาดนี้
ไม่เคยรู้ว่ากีกวังจะเมาง่าย
ไม่เคยคิดว่าโยซอบจะจูบเก่งจนกีกวังเผลอไปกับสัมผัสนั้น
และไม่เคยคิดว่าคืนนั้นมันจะไปได้ไกลขนาดไหน
ปวดหัว อย่างแรกที่เขารู้สึกทันทีที่ตื่นขึ้นมาราวกับว่าทุกอย่างมันหมุนจนลุกแทบไม่ไหวแต่ถึงอย่างนั้นเสียงโทรศัพท์ที่แผดอยู่ทำให้เขาต้องคว้ามันมารับสาย
“ว่า”
/หืม? ยังนอนอยู่หรอ/ เสียงเพื่อนที่ทำให้เขาได้สติมาเล็กน้อยก่อนจะมองนาฬิกาบนหัวเตียงเล็กน้อย
08:45 น.
วันนี้เขามีเรียนเก้าโมงครึ่งเหลือเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่จะเริ่มคาบทำให้โยซอบตื่นได้โดยทันที แต่ก่อนที่จะได้ทำอะไรเพื่อนเขาก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน
/วันนี้งดนะ เจอกันบ่ายเลย/
“อื้มขอบใจนะ” แล้วก็วางสายไปพลางมองสภาพห้องรอบๆตัวที่ดูเละเกินกว่าจะบอกได้ว่าเขานอนคนเดียว แต่ไม่พบร่องรอยใครแล้วนอกจากเขาหรือแม้แต่อาการปวดสะโพกหรือรอยต่างๆ
หรือว่าเดี๋ยวนี้เขาจะเป็นคนนอนดิ้นกันนะ
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้งแต่คราวนี้มันไม่ใช่ของเขาเพราะเจ้าเครื่องมือสื่อสารที่อยู่ในมือไม่แม้แต่จะสั่นเลย จนเขาลองงมดูตามด้านล่างเตียงเพื่อหาของ
“ฮัลโหล”
/คุณกีกวังครับ มึงจะโดดใช่มั้ยเนี่ยห้ะ/
กีกวัง? โยซอบเอาโทรศัพท์ห่างออกจากหูเล็กน้อยก่อนที่เครื่องจะปรากฏชื่อของคนที่โทรเข้ามายุนดูจุน เพื่อนสนิทของกีกวัง
แล้วโทรศัพท์ของกีกวังมาอยู่ที่นี่ได้ไง ความทรงจำของเมื่อคืนค่อยๆย้อนเข้าหัวเล็กๆของเขาราวกับหนัง
/ฮัลโหลๆ มึง?/ โยซอบกดวางทันทีแล้วพาตัวเองไปอาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อย วันนี้เขาต้องได้เคลียร์กับกีกวังให้เรียบร้อย
“กีกวังอยู่มั้ย” แปลกใจ เรียกว่าโคตรแปลกสำหรับทุกคนเมื่อคนดังของสาขาร้องเพลงกำลังถามหาคนดังสาขาการแสดงที่ได้ข่าวว่าไม่ถูกกันแต่วันนี้กลับมาถามหากันซะดื้อๆ ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครตอบได้จนโยซอบต้องถ่อตัวเองมาจนถึงห้องเปลี่ยนเสื้อนักกีฬามาหาดูจุน
“วันนี้มันคงไม่มาแหละมั้ง” ดูจุนตอบไปตามที่เขาคิดได้เพราะตั้งแต่เช้าก็ติดต่อไม่ได้เลยแถมยังโดดซ้อมแบบไม่บอกไม่กล่าวกันแบบนี้อีก ดูจุนเองก็กะว่าจะไปหาหลังเลิกซ้อมแล้ว
“บ้านกีกวังอยู่ไหน”
“ห้ะ?”
“ฉันลืมของไว้ที่เขา”
ปวดตัวจนแทบจะตาย
นั่นคือสิ่งที่กีกวังคิดได้อย่างเดียว เมื่อคืนเขาแทบจะจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้างจนนึกว่าฝันไปก็จนถึงตอนเช้ามืดที่เขาตื่นมาพร้อมกับโยซอบที่กอดเขาอยู่ อาการปวดสะโพกและรอยต่างๆตั้งแต่คอเขาจนถึงต้นขาบอกได้อย่างดีว่าเมื่อคืนเขาไม่ได้ฝัน
กีกวังไม่พร้อมจะเผชิญหน้ากับโยซอบเลยแอบหนีกลับมาก่อนที่อีกคนจะตื่น
เอามาทุกอย่างยกเว้นโทรศัพท์
คิดแล้วก็อยากจะทึ้งหัวตัวเอง หวังว่าดูจุนเพื่อนรักจะไม่กินหัวเขาซะก่อนที่เขาโดดซ้อมนะ ถึงอย่างนั้นเขาก็คงไม่มีแรงไปอยู่ดี
พูดแล้วก็เหมือนไข้จะขึ้นแล้วด้วย
“ซวยชิบหาย” บ่นแค่นั้นก่อนเสียงออดหน้าห้องจะดังขึ้น ดูจุนแน่ๆว่าแล้วก็ทำตัวให้ดูน่าสงสารไว้มันจะได้ไม่ตบกบาลเขาซะก่อน
“ดูจุนจ๋า คือกีกวัง- เห้ย”
ปัง
ยังโยซอบ
ไม่ใช่ดูจุนแต่เป็นโยซอบที่ยืนอยู่หน้าห้องเขา กีกวังลองกดจออินเตอร์คอมดูอีกครั้งว่าเขาไม่ได้ตาฝาดเช่นเดียวกันโยซอบที่กำลังมองผ่านทางกล้องแล้วชูโทรศัพท์ในมือให้ดู
โอเคยังไงก็ต้องเปิดสินะ
“ไง” กีกวังทำแค่แง้มให้อีกคนเท่านั้นแต่เหมือนว่าโยซอบจะไม่พอใจถึงได้ดันประตูแล้วแทรกตัวเองเข้ามาจนได้
“ไง” กีกวังที่ยังคงอยู่ในชุดเดิมตั้งแต่เมื่อคืนเพราะเจ้าตัวไม่มีแม้แต่แรงลุกไปไหนได้เลยนอนแหมะมันแอยู่ที่เตียงนั่นแหละ พอยิ่งเห็นว่าอีกคนเอาแต่จ้องสภาพเขากีกวังก็อายเกินกว่าจะทำอะไรได้เลยรีบคว้าโทรศัพท์มาแล้วลากอีกคนออกไป
“ขอบใจนะ ทีนี้นายก็กลับได้แล้-” แล้วอยู่ๆก็เหมือนว่าโลกหมุนแล้วค่อยๆมืดไปจนเขาจำอะไรไม่ได้หลังจากนี้
หอม
เหมือนกับโจ๊ก
ท้องแทบจะร้องเมื่อรู้ว่าเป็นกลิ่นอะไรอีกอย่างทั้งวันเขายังไม่ได้เอาอะไรลงท้องเลยก็มีความหิวเป็นธรรมดาติดตรงที่เขาขยับตัวแทบไม่ได้ ลืมตายังลำบากเลย
“ท้องร้องก่อนจะลืมตาอีกรึไง” เสียงใสที่คุ้นเคย คุ้นเคยงั้นหรอ
ตาใสค่อยๆกระพริบถี่ๆให้ชินกับแสงโคมไฟก่อนจะมองหน้าคนที่อยู่ข้างเตียงเขา ไม่ทันได้ตกใจอีกรอบหรือเพราะไม่มีแรงให้ตกใจกีกวังเลยทำเพียงแค่ทำเสียงอื้ออ้าในลำคอเท่านั้น
โยซอบค่อยๆช่วยให้อีกคนอยู่ในท่านั่งเพื่อที่จะได้ป้อนได้ถูก หลังจากที่อยู่ๆอีกคนก็เป็นลมหมดสติไปต่อหน้าก็ทำให้เขาทำอะไรไม่ถูกซักพักก่อนจะแบกอีกคนมาไว้บนเตียงพร้อมกับเช็ดตัวแล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ เขาก็เพิ่งรู้ว่ารอยบนตัวที่เขาทำไว้มันเยอะขนาดไหน
ลองโทรถามเพื่อนหมอที่รู้จักว่าควรทำยังไงได้ไม่ต้องถึงกับไปโรงพยาลบาลกัน
ตื่นมาก็สองทุ่มแล้ว
“อ่ะ”
“ห้ะ?” เมื่อก่อนที่จะได้กินอะไรสมใจโยซอบก็ยื่นโทรศัพท์มาให้คนป่วยก่อน ก่อนจะอธิบายว่าให้กีกวังโทรไปบอกดูจุน
“นายจะบอกว่าอยู่กับฉันก็ได้ถ้าอยากจะอธิบายต่อ” โยซอบพูดทิ้งท้ายให้กีกวังต้องกลอกตาเล่นๆระหว่างรอให้ดูจุนรับสาย
/เอ้ยมึงเป็นไงบ้างวะ/ น้ำเสียงเป็นห่วงทำให้กีกวังรู้สึกผิดเล็กน้อยที่ต้องโกหกอีกคน
“มึงคือกูไม่สบาย”
/ให้กูไปหามั้ย/
“ไม่ต้อง!” แทบจะทันทีจนปลายสายทำเสียงจิ๊จ๊ะว่าเขามีความลับปิดบังแล้วจะมาบุกบ้านเขาจนกีกวังต้องอธิบายว่าแค่ไข้เล็กน้อยตอนนี้ดีขึ้นแล้วขอพักผ่อนพรุ่งนี้คงหายดี
/เออๆ พรุ่งนี้ไม่ไหวไม่ต้องมานะมึง/
“ครับพ่อ”
/สัส แค่นี้/
“ฉันใส่เสื้อผ้าของนายได้ใช่มั้ย” โยซอบถามเมื่อคิดว่าวันนี้เขาคงไม่ได้กลับแน่ๆ ดีที่ขนาดตัวของพวกเขาแทบจะเท่ากันถึงได้ไม่ต้องกังวลเรื่องเสื้อผ้า เมื่อเจ้าของห้องอนุญาตเขาเรียบร้อย
ผ่านมาเกือบเดือนหลังจากวันนั้นชีวิตของกีกวังก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปมากนัก นอกจากการที่ทุกเช้าที่กีกวังมีเรียนตรงกับโยซอบก็จะมีรถมารับ วันไหนที่ไม่มีซ้อมเขาก็จะไปนั่งเล่นแถวๆสาขาดนตรีเพื่อรอโยซอบเลิกซ้อม วันหยุดสุดสัปดาห์โยซอบมักจะมานอนบ้านเขาแล้วตอนเช้าไปวิ่งรอบสวนสาธารณะด้วยกัน
ก็แค่นั้น
เรื่องราวที่แทบไม่มีใครรู้ จะบอกว่ารู้กันแค่สองคนก็ยังได้
“นี่” กีกวังเรียกอีกคนที่กำลังมองเขาเล่นเกมอยู่ด้วยการเล่นโทรศัพท์อยู่ข้างๆกัน
“อืม”
“เป็นแฟนกันมั้ย”
“เอาสิ”
“งั้นเป็นแฟนกันแล้วนะ”
“อื้ม” ในเมื่อความรู้สึกและการกระทำทุกอย่างมันชัดเจนในตัวโยซอบก็คร้านที่จะต้องมาลังเลกับความรู้สึกแล้วเหมือนกัน
“รอบหน้าขอนะ”
“ไม่ได้เป่ายิ้งฉุบเหมือนเดิม” กีกวังได้แต่กลอกตาเล็กน้อย ก็รู้อยู่ว่าเขามันห่วยเรื่องนี้
THE END